ทำสมถะ
โดย ธรรมทัศนะ  15 ต.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 51193

สำหรับผู้ที่อบรมเจริญสมถภาวนาสามารถที่จะเกิดในพรหมโลก แต่ยังไม่ได้ดับกิเลส ก็ต้องกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้อีก คือ ไม่มีทางที่จะพ้นจากการติดในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะอบรมเจริญฌาน ไม่ว่าจะเป็นรูปฌาน อรูปฌาน โลภะก็มีความยินดีพอใจในฌาน ทั้งที่เป็นรูปฌานและอรูปฌานได้ แต่ ถ้าดับโลภะ โลภะไม่เกิดอีก ก็ไม่มีทางที่จะไปยินดีในรูปฌานหรืออรูปฌาน


รับฟัง ...

สมถภาวนาคืออะไร

ถ. ถ้าเราไม่เจริญสมถภาวนา กุศลจิตที่เป็นฌานจิตต่างๆ ไม่เกิดขึ้นเลย ฉะนั้น เราจะเจริญสติระลึกทั่วได้อย่างไร คือ ระลึกได้แต่กามาวจรจิต รูปาวจรจิตและอรูปาวจรจิตเราไม่เคยสัมผัสเลย อย่างนี้จะชื่อว่าเจริญสติปัฏฐานทั่วไหม

สุ. สมถภาวนาคืออะไร จะพูดถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม ขอให้ตั้งต้น เพื่อจะได้เข้าใจในสิ่งที่กล่าวถึงอย่างชัดเจนและถูกต้อง ถ้าไม่กล่าวถึงว่าสมถภาวนาคืออะไร และก็พูดเรื่องของสมถภาวนา อาจจะไม่ใช่สมถภาวนาก็ได้ เป็นแต่เพียงชื่อ และเข้าใจผิดคิดว่า นั่นเป็นสมถภาวนา เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นถ้าจะพูดเรื่องของ สมถภาวนา ก็ตั้งต้นว่า สมถภาวนาคืออะไร

ถ. เป็นสัมมาสมาธิ เป็นการเจริญกุศลจิตที่เกิดขึ้นให้เป็นมหัคคตจิต คือ เกิดขึ้นติดต่อกันเลย

สุ. ทานเป็นกุศลประเภทหนึ่ง ศีลก็เป็นกุศลประเภทหนึ่ง วันหนึ่งๆ ก็ไม่ได้ให้ทานตลอดเวลา และไม่ได้วิรัติทุจริตตลอดเวลา ยังจะมีกุศลอื่นที่จะเจริญได้ไหม ถ้าไม่มี ลำบากมากเลย เพราะวันหนึ่งๆ ต้องมีแต่อกุศล ถ้าไม่ใช่ทานและไม่ใช่ศีล แต่ยังมีกุศลประเภทอื่นอีก คือ ความสงบของจิต ซึ่งจะต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ในขณะที่เป็นความสงบ ต้องเป็นกุศลจิต และถ้าจะอบรมเจริญความสงบให้เพิ่มขึ้น ต้องเป็นมหากุศลญาณสัมปยุตต์ก่อนที่จะถึงมหัคคตจิต

เพราะฉะนั้น ขณะนี้ มีสติสัมปชัญญะเกิดรู้ลักษณะของจิตหรือเปล่าว่า เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ถ้ามี จึงจะเจริญได้

ถ. หมายความว่าต้องทำขั้นนี้ก่อนถึงจะเจริญ..

สุ. ถ้าสติสัมปชัญญะไม่เกิด ทั้งสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาเจริญไม่ได้ เพราะฉะนั้น ไม่เอาชื่อมากล่าวว่า ทำสมถะให้ถึงมหัคคตจิตจะได้รู้รูปฌาน อรูปฌาน ไม่ใช่อย่างนั้น แต่จะต้องอบรมเจริญกุศลเป็นขั้นๆ คือ รู้ว่าขณะนี้ไม่ใช่ทาน ขณะนี้ไม่ใช่ศีลที่เป็นไปในกายวาจา ขณะนี้ถ้าเป็นความสงบคือเมื่อไร

ขณะที่โทสะเกิด ขณะนั้นไม่สงบ ขณะที่เมตตาเกิด ขณะนั้นสงบ นี่คือการอบรมให้ความสงบเพิ่มขึ้นก่อนที่จะถึงมหัคคตจิต ซึ่งเป็นรูปาวจรจิตและอรูปาวจรจิต มิฉะนั้นจะเข้าใจว่า เพียงทำสมาธิ ซึ่งเป็นมิจฉาสมาธิ เพราะสติสัมปชัญญะ ไม่สามารถรู้ลักษณะสภาพของจิตในขณะที่เริ่มสงบว่าต่างกับขณะที่เป็นอกุศลอย่างไร เพราะฉะนั้น ไม่มีทางที่จะถึงมหัคคตจิต ถ้าสติสัมปชัญญะไม่เกิด

ถ. พระอรหันต์ท่านละความยินดีในรูปราคะ อรูปราคะได้ แต่พระอรหันต์ ที่ไม่มีฌานจิตก็มี ฉะนั้น ๒ ข้อนี้ ก็ละไปใช่ไหม

สุ. เวลานี้อยู่ที่ไหน พรหมโลก หรือว่ามนุษยโลก

ถ. อยู่ในมนุษยโลก

สุ. มีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย มีใจ ติดในอะไร

ถ. ติดในกามภูมิ

สุ. ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ สำหรับผู้ที่อบรมเจริญสมถภาวนาสามารถที่จะเกิดในพรหมโลก แต่ยังไม่ได้ดับกิเลส ก็ต้องกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้อีก คือ ไม่มีทางที่จะพ้นจากการติดในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะอบรมเจริญฌาน ไม่ว่าจะเป็นรูปฌาน อรูปฌาน โลภะก็มีความยินดีพอใจในฌาน ทั้งที่เป็นรูปฌานและอรูปฌานได้ แต่ ถ้าดับโลภะ โลภะไม่เกิดอีก ก็ไม่มีทางที่จะไปยินดีในรูปฌานหรืออรูปฌาน [ตอนที่ 1354]