จะโทษใครได้ นอกจากกิเลสและสังสารวัฏฏ์
โดย Guest  10 เม.ย. 2553
หัวข้อหมายเลข 15867

ทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตา ควรใส่ใจพิจารณาไว้เสมอ เราอยู่กับความไม่รู้ที่ เป็นเรื่องราว เป็นสัตว์บุคคล เป็นคนนั้นคนนี้ ทำอย่างนั้น อย่างนี้ คนนี้ผิด คนนั้นถูก สิ่งที่มีจริงในขณะนั้นคือคิดมีจริง เรื่องราวไม่มีจริง จะโทษใครในเรื่องนี้นอกจากความ ไม่รู้ที่มีในขณะนั้น

ในโลกสมมติมีคนนั้นกระทำอย่างนั้น อย่างนี้ ทำให้อีกคนได้รับสิ่งที่ไม่ดีทางกาย เป็นต้น มีใครทำให้หรือว่ากรรมนั้นเองที่ทำให้บุคคลนั้นได้รับสิ่งนั้น จึงเป็นผู้มั่นคงใน เรื่องของกรรม จะโทษใครได้ในเรื่องนี้

โทษที่แท้จริง ไม่ใช่โทษที่เกิดจากสัตว์ บุคคลแต่โทษเกิดจากกิเลส เกิดจาก ความไม่รู้ของแต่ละคน โทษของสังสารวัฏฏ์ทีมีการเวียนว่ายตายเกิดเพราะความไม่รู้ จึงโทษในสิ่งที่ไม่มีจริงคือเรื่องราว สัตว์ บุคคล หากไม่มีการเกิดก็ไม่มีทางรับวิบาก ทางกายและทุกข์ใจได้เลย การไม่ชอบสัตว์ บุคคลก็เท่ากับเพิ่มโทษคือกิเลสของตัวเอง อันจะเป็นเหตุให้ ไม่พ้นไปจากโทษคือสังสารวัฏฏ์คือการเวียนว่ายตายเกิดและก็ต้องมาประสบสิ่งที่เห็น ได้ยินต่างๆ และก็จมและหลงอยู่ในเรื่องราวที่ไม่มีจริงอยู่ร่ำไป ฉะนั้นผู้มีปัญญาจึงควรพิจารณาว่า เวลาเหลือน้อยแล้วในการอบรมเจริญปัญญา

เวลาที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์และเวลาที่จะได้พบพระธรรมเหลือน้อยเต็มที เมื่อรู้อย่างนี้ จึงเห็นประโยชน์ของการอบรมปัญญาและการเจริญกุศลทุกๆ ประการ ไม่โทษใครเพราะ ไม่มีใครให้โทษนอกจากสภาพธรรม ที่เป็นกิเลสและการเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นการ เกิดดับสืบต่อของจิตแต่ละขณะเท่านั้น จะโทษใครได้ในเรื่องนี้

เชิญอ่านที่นี่ ...

ผู้มีปัญญา ไม่ทะเลาะวิวาท

สำหรับผู้ดูทีวี ฟังข่าว

คนฆ่างู



ความคิดเห็น 3    โดย small  วันที่ 12 เม.ย. 2553

ผู้มีปัญญาจึงควรพิจารณาว่า เวลาเหลือน้อยแล้วในการอบรมเจริญปัญญา เวลาที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์และเวลาที่จะได้พบพระธรรมเหลือน้อยเต็มที เมื่อรู้อย่างนี้ จึงเห็นประโยชน์ของการอบรมปัญญาและการเจริญกุศลทุกๆ ประการ

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 12 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย khampan.a  วันที่ 12 เม.ย. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอหรันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

โดยปกติทั่วไปแล้วคนเรามักจะโกรธบุคคลที่ทำไม่ดี แต่ขึ้นชื่อว่าความโกรธแล้วไม่ดีเลย ไม่ว่าจะเกิดกับใครก็ตาม เพราะเป็นอกุศลธรรม เป็นธรรมที่มีโทษ และที่สำคัญในขณะที่โกรธคนทำไม่ดี แสดงให้เห็นว่าตนเองก็เป็นคนไม่ดีเช่นกันที่ไปโกรธเขา แท้ที่จริงแล้ว ก็ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเลย มีแต่ความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมเท่านั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง โดยเฉพาะในส่วนที่จะเป็นไปเพื่อการระงับความโกรธหรือความอาฆาตนั้น พระองค์ทรงแสดงเพื่อให้มีเมตตา ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน ความหวังดีต่อเขา, ให้มีกรุณา เห็นใจเขา สงสารเขา, ให้มีอุเบกขา ความเป็นกลาง ไม่หวั่นไหวไปด้วยอำนาจของอกุศลในบุคคลเหล่านั้น

อีกประการหนึ่งที่ควรพิจารณา คือ ธรรมดาของบุคคลผู้ยังเป็นปุถุชนเต็มไปด้วยกิเลส ก็ย่อมจะมีทั้งดีและไม่ดี แม้แต่ตัวเราเองก็เช่นกัน ก็มีทั้งดีทั้งไม่ดี เวลาเราทำผิดทำไม่ดี ก็อยากให้คนอื่นเขาเห็นใจ เข้าใจและให้อภัย แต่เวลาคนอื่นทำผิด ทำไม่ดีเราลืมตรงนี้ไปหรือเปล่า? ดังนั้น เมื่อเห็นใครทำผิด กระทำไม่ดี ไม่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นในเรื่องใดๆ ก็ตาม ควรอย่างยิ่งที่จะเข้าใจความจริง มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขา ก็ย่อมจะทำให้กุศลจิตเกิดขึ้นแทนอกุศลได้ เพราะเหตุว่า การไม่ใส่ใจในความไม่ดีของบุคคลอื่น แต่ใส่ใจพิจารณาในความดีของเขาที่มีอยู่ ย่อมสามารถระงับความโกรธความอาฆาตได้เช่นเดียวกัน ชีวิตไม่ได้ยืนยาวเลย คนที่เราโกรธและเราผู้ที่โกรธเขา ในที่สุดแล้วก็จะต้องละจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครรอดพ้นจากความตายไปได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะเห็นประโยชน์ของกุศลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสและดับกิเลสได้ในที่สุด ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


ความคิดเห็น 6    โดย Jans  วันที่ 12 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย wannee.s  วันที่ 13 เม.ย. 2553

ถ้าทุกคนได้ฟังธรรมะที่ถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ และมีคุณธรรม มีปกติรักษาศีล 5 ปัญหาความเดือดร้อน ความวุ่นวายต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย bsomsuda  วันที่ 13 เม.ย. 2553

คนทำไม่ดี เพราะจิตขณะนั้นเป็นอกุศล จิตเป็นอกุศลเพราะมีเหตุปัจจัย (กิเลส) ให้ อกุศลจิตเกิด แม้กุศลจิตก็เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยเช่นเดียวกัน ธรรมะเหล่านี้เกิดขึ้น ตั้ง อยู่แล้วก็ดับไป ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ ฟังธรรม สนทนาธรรมให้เข้าใจถูกตามความ จริงที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ และเจริญกุศลทุกประการ เพื่อลดความยึดถือสภาพ ธรรมะว่าเป็นเรา เป็นเขา และขัดเกลากิเลสทั้งหลาย แม้เป็นเรื่องยากมากมาก แต่ด้วย ศรัทธา ก็จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกต่อไปค่ะ

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย jurairat2  วันที่ 13 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย khan  วันที่ 15 เม.ย. 2553

เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 17 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย orawan.c  วันที่ 26 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย Preawpraw  วันที่ 22 พ.ค. 2553

"การไม่ใส่ใจในความไม่ดีของบุคคลอื่น" แต่ "ใส่ใจพิจารณาในความดีของ เขาที่มีอยู่" ขอยกย่องและขออนุโมทนาผู้ที่มีจิตใจเป็นกุศลเช่นนี้ค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ