สอบถามเกี่ยวกับนางยักษิณีทานข้าวสวย
โดย Tanagon  11 ก.ค. 2562
หัวข้อหมายเลข 31028

เรียนสอบถามท่านวิทยาธรที่เคารพ

ขออนุญาตสอบถามปัญหาเกี่ยวกับข้อความใน "อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ยมกวรรคที่ ๑" ว่าด้วยเรื่องของนางยักษิณีที่ผูกเวรกับหญิงคนหนึ่งมาในหลายๆ ชาติก่อน

ดังที่ได้ทราบว่า ปรกติยักษ์มีหลายความหมาย หมายถึงเวมานิกเปรตบ้างก็มี หมายถึงเทวดาพวกหนึ่งในชั้นจาตุมหาราชก็มี หมายถึงเทวดาอื่นๆ บ้างก็มี

แต่ในเรื่องที่เกิดขึ้นในอรรถกถานี้ ยักษ์นี้มีกล่าวว่าเป็นข้าบริพารของท้าวเวสสุวัณ และยังเป็นผู้ที่สามารถบรรลุความเป็นพระโสดาบันได้ เพราะฉะนั้นก็คงเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเป็นสัตว์ผู้เกิดในเทวโลกชั้นมหาราช

แต่มีข้อความหนึ่งปรากฏในอรรถกถาว่า - "นางยักษิณีนั้นกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อก่อน ข้าพระองค์ แม้สำเร็จการเลี้ยงชีพด้วยไม่เลือกทาง ยังไม่ได้อาหารพอเต็มท้อง, บัดนี้ ข้าพระองค์จะเลี้ยงชีพได้อย่างไร.”
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสปลอบนางยักษิณีนั้นว่า “เจ้าอย่าวิตกเลย” ดังนี้แล้ว ตรัสกะหญิงนั้นว่า “เจ้าจงนำนางยักษิณีไปให้อยู่ในเรือนของตนแล้ว จงปฏิบัติด้วยข้าวต้มและข้าวสวยอย่างดี.” หญิงนั้นนำนางยักษิณีไปแล้ว ให้พักอยู่ในโรงกระเดื่อง ได้ปฏิบัติด้วยข้าวต้มและข้าวสวยอย่างดีแล้ว."

ก็นางยักษ์นี้เกิดในเทวโลก เหตุไรจึงมีภักษาปรกติเหมือนมนุษย์ ทานข้าวต้มและข้าวสวยเลี้ยงชีพครับ? หรือปรกติแล้วเทวดาในชั้นมหาราช มีความแปลกพิสดาร มีความยิ่งหย่อนในอัตภาพและบุญกรรมมากกว่าภพภูมิอื่นๆ ครับ ดังที่จะเห็นได้ว่ามีในเรื่องๆ อื่นๆ ที่พอจะอนุมานเอาได้ดังนั้นเช่น รุกขเทวดาสามารถถูกภิกษุฟันจนแขนขาดได้ หรือในชาดกเองก็มีเรื่องที่ยักษ์ถูกมนุษย์ฆ่าตายได้ แม้ในพระวินัยก็ยังปรับอาบัติในความที่ภิกษุฆ่ายักษ์ให้ตายได้ ซ้ำยังมีทั้งจำพวกที่เป็น นาค ครุฑ ยักษ์ คนธรรพ์ และเทวดาอากาสัฏฐะมีวิมานในอากาศมีบุญกว่าพวกอื่นๆ

นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งหรือเปล่า ที่ก็คงมีบางจำพวก อาสัยอาหารอย่างมนุษย์เหมือนกัน?

ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 14 ก.ค. 2562

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ภพภูมิของสัตว์โลกมีความละเอียดวิจิตรตามกรรมอย่างละเอียดมากมาย ผู้ที่รู้ความะเอียดของภพภูมิคือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า สำหรับภพภูมิในแต่ละภพภูมิ มีเทวดา เป็นต้น ก็มีความหลากหลายตามกรรม ตามความประณีตของกุศลกรรม เทวดาจึงมีถึง 6 ชั้น แบ่งไปตามความละเอียดประณีตของผลของบุญ และ เทวดาชั้นที่ 1 คือ จาตุมหาราชิกา ก็ยังแบ่งเป็นเทวดาภาคพื้น และ เทวดาที่มีวิมานอยู่ในอากาศ และ ยักษ์ก็เป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา ยักษ์นั้นก็ยังแบ่งไปตามกรรม ตาามความประณีตของกุศล ที่ทานอาหารแบบภพภูมิมนุษย์ก็มี ยกตัวอย่างเช่น อาฬาวกยักษ์ ก่อนเป็นพระโสดาบัน ก็มีการพลีกรรม ด้วยการกินมนุษย์ หรือ ยักษ์ที่เป็นแม่มีลูกสองตน ยักษ์ผู้เป็นแม่ มีลูกสองคน ชื่อ ปุนัพพสุและอุตตรา ทั้งสามคน ก็เที่ยวแสวงหาอาหารตามแถวพระวิหารเชตวัน สุดท้าย เข้าไปฟังธรรมได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน เพราะฉะนั้น ยักษ์ชั้นต่ำ ใกล้เคียงกับมนุษย์ก็บริโภคอาหารใกล้เคียงกับมนุษย์ เทวดาชั้นสูงบริโภคอาหารทิพย์ เทวดาชั้นสูงขึ้นไปอีก เทวดาเหล่าอื่นเนรมิตอาหารทิพให้ตามปรารถนา เพราะฉะนั้นก็แตกต่างกันไปตามความละเอียดของผลของบุญตามที่กล่าวมา ครับ ที่สำคัญประโยชน์ของการได้เกิดมา แม้ยักษ์ชั้นต่ำ คือ ได้อบรมปัญญาเข้าใจพระธรรมมานั่นแหละประเสริฐ เพราะการเกิดเป็นทุกข์ ผู้ที่อบรมปัญญาดับกิเลสได้ จึงไม่มีทุกข์อีกต่อไปเมื่อปรินิพพาน ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย peem  วันที่ 16 ก.ค. 2562

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย วิริยะ  วันที่ 12 ส.ค. 2562

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย chatchai.k  วันที่ 20 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ