ตามกำลังของการสะสม ซึ่งคนที่สะสมมาจะไม่รู้เลย จนกว่ามีเหตุปัจจัยที่จะทำให้เกิดขึ้นรู้ ทุกขณะก็แสดงถึงการสะสม แต่ใจใครจะรู้ มองก็ไม่เห็น แต่ก็มี แล้วก็หลากหลายมากด้วย เพราะฉะนั้น ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องของจิตเป็นธาตุรู้ เป็นสภาพรู้ ที่เราใช้คำว่า จิตบ้าง ใจบ้าง ก็อยู่เหมือนกับใต้มหาสมุทรเลย ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้เราจะคิดอะไร แม้วันนี้ก็มาจากไหน ใช่ไหม ได้เห็นกำลังของการสะสมแต่ละหนึ่ง ถ้าสมมุติว่าเราไม่คุ้นเคยกับอะไร เราก็ไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ ไม่ค่อยชอบ แต่พอเราคุ้นเคยขึ้นทีละเล็กทีละน้อยเราขาดสิ่งนั้นไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วในกาลไหนก็ตาม ขึ้นอยู่กับการสะสมมา ต้องเป็นคนที่ตรง ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด จึงมีสัจจบารมี ตรงต่อการที่จะเข้าใจสิ่งที่มี เพราะเห็นประโยชน์อย่างยิ่งว่า ถ้าไม่ฟังวันนี้ ไม่เข้าใจวันนี้มากขึ้นทุกๆ วัน ไม่มีโอกาสจะเข้าใจสิ่งที่กำลังมีในสังสารวัฏฏ์ เพราะว่าถูกปิดบังมานานมาก

การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละองค์ไม่ง่ายเลย อีกนานเท่าไหร่ ถ้าคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้อันตรธาน ก็มืดไปอีกนาน ใครจะมารู้ว่านี่กำลังเกิดดับ แล้วก็แต่ละหนึ่งเป็นธรรม ไม่ใช่เรา อย่างเห็น จะเป็นเราได้ยังไรถ้าไม่เกิดขึ้น ก็ไม่มีเรา ไม่มีเห็น แต่พอเห็น มีปัจจัยเกิด ทำไมไปว่าเราเห็น เพราะดับแล้ว แค่นี้ฟังดีๆ ฟังด้วยความมั่นคงค่อยๆ เห็นความเป็นอนัตตาขึ้น เราก็จะไม่ไปเชื่ออะไรง่ายๆ หรือทำตามคนที่เข้าใจผิด แต่เพราะเราไม่ได้เข้าใจเอง เราก็เข้าใจว่าที่เขาเข้าใจนั้นใจนั้น ถูก ความจริงผิด

รับฟัง ... กำลังของการสะสม

สาธุค่ะๆ ๆ

สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ฟังธรรมะในดิถี ถูกต้อง อาจารย์สุจินต์ศรี เป็นหลัก จิตเจตสิกรูปสอดคล้อง มั่นแฟ้นคำจริง