สวดมนต์แล้วได้จริงหรือ
โดย cago  7 พ.ค. 2551
หัวข้อหมายเลข 8599

เมื่อนานมาแล้ว ได้เห็นสปอร์ตโฆษณาเรื่อง "ทำดีเพื่อพ่อ" ที่เชิญชวนให้สวดมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งดิฉันก็ได้ร่วมสวดมนต์อยู่ที่บ้านด้วยเช่นกัน แต่ดิฉันก็ยังสงสัยว่า การสวดเพียงอย่างเดียว ก็สามารถเรียกว่าได้ทำบุญจริงหรือค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 8 พ.ค. 2551

ควรทราบตามหลักพระธรรมว่า บุญ อยู่ที่จิต ถ้าจิตเป็นไปในทาน ศีลหรือ ภาวนาขณะนั้นจิตเป็นกุศล จึงชื่อว่า บุญ ดังนั้นผู้ที่มีศรัทธาในคุณของพระรัตนตรัย สวดประกาศคุณของพระรัตนตรัยด้วยศรัทธา ขณะนั้นจิตเป็นกุศล เป็นบุญ หนึ่งในบุญญกิริยาวัตถุสิบ


ความคิดเห็น 2    โดย ตุลา  วันที่ 8 พ.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย เจริญในธรรม  วันที่ 8 พ.ค. 2551
ขออนุโมทนา

ความคิดเห็น 4    โดย ajarnkruo  วันที่ 8 พ.ค. 2551

ถ้าสวดโดยรู้และเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งของทุกๆ คำที่สวด และได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม มีการขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ก็จะเป็นกุศลที่ประเสริฐยิ่งขึ้น คือมีปัญญาเกิดกับจิต ทำกิจเข้าใจคุณของพระรัตนตรัยครับ ผู้ที่ได้ยินเสียงสวด และเกิดความศรัทธา จิตย่อมมีโอกาสที่จะเป็นกุศลได้ การสวดมนต์แม้ด้วยศรัทธา ไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยก็เป็นบุญครับ เช่น เวลาพระเทศน์ บางท่านก็ยกมือขึ้น พนมมือทันทีด้วยศรัทธาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย khampan.a  วันที่ 8 พ.ค. 2551

คำสวดที่ใช้สวดกันอยู่ในสมัยปัจจุบันนี้ เป็นภาษาบาลี ซึ่งผู้ที่จะรู้ความหมายของคำที่สวดนั้นมีน้อย นอกจากผู้ที่ได้ศึกษาภาษาบาลีมาบ้างก็พอที่จะแปลได้ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่แปลได้ แต่เป็นเรื่องของความเข้าใจ เพราะเหตุว่า พระผู้มีพระภาค ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วทรงแสดงพระธรรม พระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น เป็นความจริง เป็นสิ่งที่มีจริง ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้นทางกาย ทางใจ พระองค์ทรงแสดง ว่า ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งพิสูจน์ได้ทุกขณะ ครับ

ดังนั้น ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน จึงจำเป็นต้องศึกษาพระธรรม เพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง แม้แต่ในเรื่องบุญ ก็เช่นเดียวกัน บุญ เป็นกุศลธรรมเป็นสภาพที่ดีงาม เป็นประโยชน์ ไม่เป็นโทษกับใครเลย ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นเป็นบุญ ครับ


ความคิดเห็น 6    โดย wannee.s  วันที่ 8 พ.ค. 2551

การสวดมนต์ด้วยความเข้าใจ ด้วยความนอบน้อม เป็นสรรเสริญคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขณะนั้นจิตเป็นกุศล เป็นความสงบขั้นศีล แต่ถ้าประกอบด้วย

ปัญญาก็ระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้นไม่ใช่เราค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 8 พ.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ควรศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ย่อมเข้าใจว่าสิ่งใดคือบุญ สิ่งใดไม่ใช่บุญครับ

บุญ คือสภาพจิตที่ไม่มีกิเลสหรือสิ่งเศร้าหมองเกิดขึ้นกับจิต ดังนั้น ขณะที่หวัง มีความต้องการไม่ว่าประการใดประการหนึ่งเป็นบุญไหมครับ แต่ขณะที่สวดอันน้อมระลึกถึงพระคุณเป็นบุญไหม เห็นไหมครับว่ายังสงสัย? ดังนั้น พระธรรมจึงเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องของปัญญาของตัวเองครับ


ความคิดเห็น 8    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 8 พ.ค. 2551

พระพุทธเจ้าสอนให้ผู้ฟังเกิดปัญญาของผู้ฟังเอง ไม่ได้สอนเชื่อในสิ่งที่ฟัง แต่พิจารณาไตร่ตรองในสิ่งที่ทรงแสดง จากไหน? จากพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ดังนั้นเมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น จุดประสงค์ในการกระทำแต่ละอย่างก็ถูกต้องมากขึ้นคือเป็นไปเพื่อการละ (กิเลส) แม้แต่การสวดมนต์ครับ อันเกิดจากความเห็นถูก และที่ลืมไม่ได้เลยครับ พระพุทธศาสนาสอนความจริง

พุทธ แปลว่ารู้ อะไรรู้ ปัญญารู้ รู้ความจริงที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันว่าคืออะไร นี่จึงเป็นแก่นของพระพุทธศาสนาและเมื่อสวดจึงซาบซึ้งถึงพระคุณจริงๆ ครับ เชิญคลิกฟังธรรมที่นี่ครับ

ธรรมคืออะไร

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 9    โดย เซจาน้อย  วันที่ 10 พ.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย michii  วันที่ 11 พ.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย nopam  วันที่ 4 มิ.ย. 2551

ถ้าเปรียบเทียบเหมือนเราจะทานยารักษาโรคแล้วเราก็นั่งอ่านฉลากยาอยู่นั่นแหละ ไม่ทานเข้าไปซักที โรคก็ไม่หายได้ เปรียบเทียบอย่างนี้ได้มั๊ยค่ะ หรือกับการนั่งท่องฉลากยา พอจิตเป็นสมาธิ โรคก็หายได้


ความคิดเห็น 12    โดย Pararawee  วันที่ 5 มิ.ย. 2551

เห็นด้วยกันทุกความคิดเห็นค่ะ

ขึ้นอยู่ที่ว่าเวลาสวดมนต์คุณกำลังคิดถึงอะไร?

ถ้าสวดเพื่อขอให้พ้นทุกข์ที่กำลังประสบอยู่ หรือให้แล้วรอดปลอดภัยต่างๆ นานาก็เป็นการหวังผลอยากที่จะได้ เป็นโลภะจึงไม่เป็นกุศล แต่บางทีกุศลก็อาจเกิดสลับได้อย่างรวดเร็วถ้ามีความศรัทธา

ถ้าจะสวดมนต์ก็ควรระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคและพระธรรมที่ได้ทรงแสดงเป็นเวลาถึง ๔๕ พรรษา นั้นก็จะเป็นกุศลได้ค่ะ

ถ้าจะสักแต่ว่าสวดๆ แล้วใจลอยคิดแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ นั่นคือไม่ได้รู้ลึก รู้จริงและลึกซึ้งเลย การสวดมนต์นั้นไซร้ย่อมไม่มีความหมายจริงไหมคะ?

ความเห็นถูกในปัจจุบันน้อย ความเห็นผิดมีมาก ไม่มีใครจะไปแก้อะไรได้ แต่ต้องขออนุโมทนาผู้ตั้งกระทู้ ที่มาถามความคิดเห็นที่นี่ หวังว่าคงได้คำตอบแล้วนะคะ