ทำอย่างไรจะทำให้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นคะ
โดย amornrat44  28 เม.ย. 2556
หัวข้อหมายเลข 22816

ทำอย่างไรจะทำให้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นคะ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 28 เม.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ศรัทธา เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นสภาพธรรมที่เลื่อมใสในสิ่งที่ถูกต้อง คือ เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ซึ่งศรัทธา จะเพิ่มขึ้นได้ก็ต้องมีเหตุ นั่นคือ อาศัยการฟังพระธรรมจากสัตบุรุษ มีการได้อ่าน ได้ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ย่อมจะเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้น เพราะเหตุว่า การได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อันเป็นเหตุให้เกิดศรัทธาเพิ่มขึ้นนั้น เพราะการฟัง ศึกษาพระธรรม เป็นปัจจัยให้เกิดปัญญา เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะอาศัยความเข้าใจถูกในพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้ละคลายกิเลส ละความไม่รู้ และคิดถูกต้องตามความเป็นจริงในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เห็นพระพุทธคุณ หรือ คุณของพระพุทธเจ้าตามความเป็นจริงว่า พระองค์ทรงแสดงพระธรรมที่ถูกต้อง และทรงมีพระปัญญา จึงเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เพราะอาศัยปัญญาที่เกิดจากการศึกษา ฟังพระธรรมเป็นสำคัญ และเมื่อเข้าใจถูกในพระธรรมที่ได้ศึกษา ก็เกิดความเลื่อมใส เกิดศรัทธาเพิ่มขึ้นในพระธรรม ทำให้เห็นประโยชน์ในคุณค่าของการได้ศึกษาพระธรรม และศึกษาพระธรรมต่อไป ก็มีศรัทธาในพระธรรมเพิ่มขึ้นเพราะปัญญาที่เพิ่มขึ้น และเมื่อมีความเข้าใจพระธรรม เมื่อเห็นพระภิกษุ ก็เกิดความเลื่อมใสในพระภิกษุ โดยไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าท่านจะมีกิริยาอาการอย่างไร แต่น้อมนึกถึงคุณของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็เกิดความเลื่อมใสในพระสงฆ์ด้วย

นี่แสดงถึงเหตุให้เกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนา คือ การได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และเกิดปัญญาของตนเอง ก็จะทำให้ศรัทธาเพิ่มขึ้น และที่ละเอียดลงไปอีก ในสภาพธรรมที่เป็นศรัทธา คือ ศรัทธาเป็นสภาพธรรมที่เกิดกับจิตที่ดี เช่น กุศลจิต ดังนั้นขณะใดที่กุศลจิตเกิดก็มีศรัทธาเกิดร่วมด้วยเสมอ เพราะฉะนั้น กุศลทุกๆ ประการ คือ ทาน ศีล การฟังธรรม เจริญปัญญา มีศรัทธาเกิดร่วมด้วยในขณะนั้น ยิ่งกุศลจิตเกิดขึ้นมากเท่าไหร่ ศรัทธาก็มีมากเท่านั้น กุศลจิตจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการเกิดขึ้นของปัญญา ก็กลับมาที่เหตุให้เกิดปัญญา และศรัทธาก็คือการฟังธรรม ศึกษาพระธรรม ครับ ดังข้อความในพระไตรปิฎกที่แสดงเหตุให้เกิดศรัทธา เจริญขึ้นของศรัทธา ดังนี้

เรื่องเหตุให้เกิดศรัทธา

[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕- หน้าที่ 203

ข้อความบางตอนจาก

ตัณหาสูตร
แม้ศรัทธา เราก็กล่าวว่ามีอาหาร (เหตุ) มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของศรัทธา ควรกล่าวว่าการฟังสัทธรรม แม้การฟังสัทธรรม เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของการฟังสัทธรรม ควรกล่าวว่าการคบหาสัปบุรุษ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 28 เม.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่าธรรมเป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย คำสอนที่จะเป็นไปเพื่อความอยาก ความติดข้องต้องการนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำสอนของพระองค์ทั้งหมดเป็นไปเพื่อละโดยตลอด ตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด

ศรัทธาในคำสอนทางพระพุทธศาสนานั้น เป็นธรรมฝ่ายดี (โสภณธรรม) ที่เกิดร่วมกับจิตที่ดีงาม คือจิตที่ไม่มีกิเลสเกิดร่วมด้วย ศรัทธาเป็นสภาพธรรมที่ผ่องใส ไม่ขุ่นมัว เป็นไปในทาน เป็นไปในศีล เป็นไปในการอบรมความสงบของจิต และการอบรมเจริญปัญญา จะไม่เกิดร่วมกับอกุศลจิต

ศรัทธาจะเพิ่มขึ้นได้ก็ด้วยความเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ละคลายความเห็นผิด ละคลายความสงสัย และกิเลสประการอื่นๆ ศรัทธาก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น คล้อยตามความเข้าใจที่เจริญขึ้น ที่สำคัญคือไม่ขาดการฟังพระธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

ในบางพระสูตร พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ศรัทธาเป็นเพื่อนสองของคน หมายถึง เป็นเพื่อนของผู้ที่จะไปสู่สวรรค์และนิพพาน เพราะเหตุว่า เมื่อบุคคลประกอบด้วยศรัทธาแล้ว ย่อมสามารถทำให้ได้รับประโยชน์ทั้งในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า คือเกิดในภพภูมิที่ดี (มีสวรรค์และมนุษย์ภูมิ) และได้รับสิ่งที่ดี ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ อันเป็นผลของกุศล และทำให้ได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง คือการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ดับกิเลสตามลำดับขั้น เนื่องจากว่าบุคคลผู้ที่มีศรัทธาจึงมีการเจริญกุศลประการต่างๆ มีการคบหากัลยาณมิตรผู้มีปัญญา มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไตร่ตรองพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เมื่อปัญญาเจริญขึ้นไปตามลำดับก็สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้ เพราะอาศัยศรัทธาเป็นเบื้องต้นนั่นเอง ดังนั้นศรัทธาจึงเป็นสภาพธรรมที่นำมาซึ่งประโยชน์เท่านั้น นำมาซึ่งประโยชน์ ทั้งในโลกนี้ ในโลกหน้า และ อุปการะเกื้อกูลให้ถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ด้วยครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย wannee.s  วันที่ 28 เม.ย. 2556

เริ่มฟังธรรมมากขึ้น พิจารณาธรรมมากขึ้น ความเข้าใจจะทำให้เรามีศรัทธาที่มั่นคงได้ ค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย nopwong  วันที่ 29 เม.ย. 2556

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 5    โดย mon-pat  วันที่ 29 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย nong  วันที่ 1 พ.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย Rodngoen  วันที่ 2 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย orawan.c  วันที่ 4 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย ใหญ่ราชบุรี  วันที่ 24 เม.ย. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย peem  วันที่ 13 ก.ย. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย pulit  วันที่ 20 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 19 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ