ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๖
โดย khampan.a  4 ต.ค. 2563
หัวข้อหมายเลข 33062

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๖ * *

~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเคารพ ฟังแล้วเปลี่ยนไม่ได้เลย เป็นคำจากผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ความจริงถึงที่สุด เปลี่ยนไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ไตร่ตรอง
~ ความไม่รู้มหาศาลมากมายแค่ไหน แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะวันนี้ด้วย แสนโกฏิกัปป์ประมาณไม่ได้เลย แล้วจะไม่มากมายมหาศาลได้อย่างไร แล้วถ้าจะให้หมดไปเร็ว ลองคิดดู จะเป็นไปได้อย่างไร แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทำไม่ได้ ต้องทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ คิดดูก็แล้วกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบด้วยพระปัญญา เห็นคุณของปัญญาที่จะทำให้คนอื่นได้เข้าใจ แทนที่จะตรัสรู้เพียงพระองค์เดียว บำเพ็ญบารมีมากมายมหาศาลเกินใครที่จะทำได้หมด เพื่อให้เราได้ฟังคำจริงของพระองค์
~ ธรรม
(สิ่งที่มีจริง) ที่เป็นอกุศล สะสมบ่อยๆ ไปไหนดี? มีทางไปอยู่แล้ว ใครก็ไปดึงกลับมาไม่ได้ เพราะจะเป็นอย่างนั้น จะยังไม่ให้อภัย ยังไม่เมตตา ยังไม่ลืมเรื่องเก่าๆ เก็บไว้ทำไม ใช่ไหม? มีประโยชน์อะไร? เพราะฉะนั้น การฟังธรรม ถ้าเข้าใจจริงๆ ประโยชน์ทุกขั้น เป็นคนดีขึ้น เพราะเข้าใจธรรม
~ ตลอดชีวิต อะไรประเสริฐที่สุด? เข้าใจพระธรรม เข้าใจธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะทุกสิ่งที่คิดว่าสำคัญหรือว่าดี ที่ชอบมากๆ ก็หมดแล้ว แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย และโอกาสที่จะได้เข้าใจพระธรรม ไม่นาน ใช้คำว่า ไม่นาน เพราะชีวิตมนุษย์ ไม่นาน แล้วก็มนุษย์แต่ละคน ก็ไม่มีการที่จะรู้ล่วงหน้าเลยว่าจะจากความเป็นบุคคลนี้เมื่อไหร่ ลองคิดถึงโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมอีกไม่นาน ก็จะทำให้เป็นผู้ที่ไม่ประมาทแล้วก็เห็นประโยชน์ของการสะสมความเห็นถูก
~ สัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นของของตน ความโกรธของท่านจะให้ผลแก่ตัวท่าน ความโกรธของเขา เขาก็ได้รับผลไป ทำไมถึงจะต้องไปโกรธเขาด้วยล่ะ ในเมื่อเขาก็ได้รับผลของความโกรธของเขาอยู่แล้ว
~ สัตว์ที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ ที่ยังเห็นๆ กันอยู่ ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ด้วยกัน
ยังไม่ได้ไปที่อื่น ก็ควรที่จะเมตตาเอ็นดูกัน ชั่วระหว่างที่ยังเหลืออยู่ด้วยกันในโลกนี้ เพราะคนที่ตายไปแล้วก็จากไปๆ อยู่เรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ส่วนที่ยังเหลืออยู่ด้วยกัน ก็ควรจะเอ็นดูกัน
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงให้เห็นความจริงว่า ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล ก็มี และ ธรรมที่เป็นกุศล ก็มี แต่ว่าตราบใดที่ศรัทธายังไม่มั่นคง อกุศลก็ต้องเกิดมาก เช่นทุกวัน ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น การได้ฟังอย่างนี้ ก็เป็นการเตือนให้แต่ละคนไม่ประมาทที่จะเห็นโทษของอกุศลและเห็นประโยชน์ของกุศลแม้เพียงเล็กน้อย
~ ถ้าได้เข้าใจความจริงว่าไม่มีเรา ซึ่งเป็นความจริง ก็จะทำให้ละความที่ยึดถือในความเป็นเราจนกระทั่งเป็นความเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่สิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะกับตัวเองหรือคนอื่น เพราะฉะนั้น พระธรรมเท่านั้นที่จะทำให้เริ่มรู้ความจริง ว่า เกิดมาในโลกชั่วคราว แล้วเป็นคนนี้ได้ชาติเดียว จะเป็นคนนี้ที่ดี หรือว่า จะเป็นคนนี้ที่ไม่รู้เหมือนเดิม แล้วก็ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราไปอีก เพิ่มเติมอีก พอกพูนอีก จนยากที่จะละได้ เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนที่ได้ฟังธรรม ก็จะรู้ประโยชน์อย่างยิ่ง ว่า ถ้าไม่รู้ตราบใด ก็ไม่สามารถที่จะละสุขทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ได้
~ จะเกิดเมื่อไหร่ จะตายเมื่อไหร่ จะเห็นเมื่อไหร่ จะสุขเมื่อไหร่ จะเจ็บไข้ได้ป่วยเมื่อไหร่ (ล้วนเป็นเพราะ) มีเหตุที่ได้กระทำแล้ว เพราะฉะนั้น จะหวั่นไหวไหมถ้าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้กระทำแล้ว ต้องนำผลที่ดีมาให้ ถ้าไม่ชอบสิ่งที่ไม่ดี ก็จะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะรู้ว่าสิ่งที่ไม่ดีเท่านั้นที่จะนำผลที่ไม่ดีมาให้ เปลี่ยนเหตุกับผลได้ไหม ให้เหตุไม่ดีนำมาซึ่งผลดีได้ไหม หรือว่า เหตุดีนำมาซึ่งผลที่ไม่ดีได้ไหม ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
~ ขณะนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน? พระองค์ทรงดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่คำของพระองค์ทุกคำ เป็นศาสดาแทนพระองค์ เพราะฉะนั้น จะรู้จักพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต่อเมื่อได้ฟังแล้วเข้าใจ ต้องเป็นความเข้าใจของเราเอง เพราะเหตุว่า ถ้าไม่เข้าใจ ความไม่เข้าใจก็ปิดกั้นคำของพระองค์ เพราะขาดการไตร่ตรอง ขาดความเป็นผู้ตรงต่อความจริง ซึ่งความจริงมีอยู่ทุกขณะ ฟังแล้วเข้าใจได้ แต่ต้องค่อยๆ เริ่มเข้าใจจนกระทั่งสามารถประจักษ์แจ้งความจริงของแต่ละคำ ซึ่งกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงๆ ทุกกาลสมัย ไม่ว่าที่ไหน แม้ในขณะนี้
~ คนอื่นไม่ดี ขณะนั้น (เรา) กำลังคิดด้วยจิตอะไร เมตตา (เขา) ได้ไหม คนที่ไม่ดีทั้งหลาย ตายแล้วไปไหนกัน มีที่ไปแน่ๆ ตามขณะจิตที่กำลังเดินทางเป็นอกุศล แล้วแต่ว่าจะถึงที่ไหนวันไหนเมื่อไหร่ ใครก็ห้ามไม่ได้ เพราะฉะนั้น ที่พึ่งจริงๆ ที่กล่าวว่า พึ่ง คือ พึ่งพระรัตนตรัย พึ่งพระธรรมรัตนะ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เพื่อที่จะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ล้างจิต ไม่ใช่ล้างจิตของคนอื่น แต่จิตที่สกปรกหมักหมมมาก ล้างด้วยพระธรรม แต่ละคำที่เข้าใจ ก็ไปชำระล้างความไม่รู้และความเห็นผิดจนกว่าจะเห็นถูกและก็สามารถที่จะรู้ความจริงได้
~ อกุศลที่มีไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ แต่กุศล คือ สภาพธรรมที่ดีงามทีละเล็กทีละน้อยแต่ละหนึ่ง ก็จะสามารถสละความยึดมั่นหรือความเห็นแก่ตัวและกิเลสอื่นๆ จนกระทั่งสามารถที่จะอบรมเจริญปัญญา แม้ฟังก็เข้าใจ แล้วก็มีความมั่นคง ว่า สภาพธรรมเป็นอย่างนี้และสามารถที่จะรู้ได้
~ ต้องย้อนกลับมาที่ ธรรม ทุกครั้งที่ฟัง ว่า เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ใช่เรา จึงใช้คำว่าธรรม กลับมาที่เดี๋ยวนี้ เพื่อให้เข้าใจว่ามีสิ่งที่มีจริงๆ แต่ ไม่ใช่เรา และเป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็วสุดที่จะประมาณได้
~ ฟังธรรมให้เข้าใจให้ถูกต้องว่าไม่มีเรา แต่เป็นธรรมทั้งหมด ไม่ว่าอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้น หนทางที่ถูกต้อง ก็คือ หนทางที่ไม่มีเรา แต่ว่ามีธรรมซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ทำหน้าที่ของธรรม
~ รู้ความจริงว่า ธรรมมีหลากหลายมาก ธรรมที่เป็นความเห็นที่ถูกต้องเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ ก็มี ธรรมที่เป็นความติดข้อง ก็มี ธรรมที่เป็นความโกรธขุ่นเคืองใจไม่พอใจ ก็มี ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นธรรมทั้งหมด ให้เข้าใจก่อนว่าเป็นธรรม
~ เราเกิดมาแล้ว จำไหวไหมแต่ละชาติว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง ไม่หวาดไม่ไหวเลยในแสนโกฏิกัปป์ เคยเป็นอะไรมา เคยจากโลกนั้นไปในลักษณะใด มีพี่น้องกี่คน เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แล้วก็จะต้องเป็นอย่างนี้ แต่ว่าจำได้เพียงชาตินี้ อีกไม่นานก็ลืม เพราะฉะนั้น ที่สำคัญที่สุด คือ ที่จำผิดไว้ว่าเป็นเรา ควรที่จะให้น้อยลงหรือว่าควรจะให้หมดไปไหม เพราะความจริง คือ ไม่มีเรา
~ ต้องรู้จริงๆ ว่า เป็นชาวพุทธจริงๆ ไม่ง่าย ไม่ใช่ใครๆ ก็เป็นได้เพียงบอกว่าฉันนับถือพระพุทธศาสนา แต่เมื่อไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา นับถืออะไร บอกได้ไหม?

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๕



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย petsin.90  วันที่ 4 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย natthayapinthong339  วันที่ 4 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย mammam929  วันที่ 4 ต.ค. 2563

กราบนอบน้อมบูชาพระรัตนตรัย

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในการกล่าวคำจริงเพื่อประโยชน์แก่ผู้ฟังด้วยดีและกราบอนุโมทนาอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ในกิจที่ดีงามค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 4 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย Khemsai  วันที่ 4 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในความดีของทุกท่านด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย สิริพรรณ  วันที่ 4 ต.ค. 2563

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนช่างผู้ทำเครื่องประดับ

พระธรรมเปรียบเหมือนเครื่องประดับ

พระอริยสงฆ์สาวกผู้ประดับด้วยพระสัทธรรม เปรียบเหมือนหมู่พระราชโอรสที่ทรงประดับแล้ว.

ขณะที่ประเสริฐยิ่งของชาตินี้ คือได้สะสมความเข้าใจพระธรรมที่ทรงแสดงด้วยความเกื้อกูลอนุเคราะห์จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จากการถ่ายทอดพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แสนยาก และลึกซึ้ง ให้ค่อยๆ ได้สะสมความเข้าใจจากการฟังทุกครั้ง ความเข้าใจจึงเห็นพระคุณของรัตนอันประณีตค่ะ

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

กราบยินดีในกุศลธรรมทานของอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ด้วยความเคารพค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย panasda  วันที่ 5 ต.ค. 2563

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย เมตตา  วันที่ 5 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และยินดีในคุณความดีของ อ.คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย มกร  วันที่ 5 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย nattawan  วันที่ 5 ต.ค. 2563

เป็นคนดีขึ้น เพราะเข้าใจธรรม

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย jaturong  วันที่ 5 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 5 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย siraya  วันที่ 7 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 14    โดย talaykwang  วันที่ 13 ต.ค. 2563

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ