ปุปผสูตร - พระพุทธองค์ไม่ขัดแย้งกับโลก - o๔-o๗-๒๕๕๘
โดย มศพ.  28 มิ.ย. 2558
หัวข้อหมายเลข 26705

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

••• ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย •••

... สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘

เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น.

ปุปผสูตร

... จาก ...

[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ ๓๑๓

... นำสนทนาโดย ...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

และคณะวิทยากร

[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ ๓๑๓

๒. ปุปผสูตร

ว่าด้วยพระพุทธองค์ไม่ขัดแย้งกับโลก

[๒๓๙] กรุงสาวัตถี. ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส เรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตไม่กล่าวขัดแย้งกับโลก แต่ชาวโลกกล่าวขัดแย้งกับเราตถาคต

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ผู้กล่าวเป็นธรรม จะไม่กล่าวขัดแย้งกับใครๆ ในโลก สิ่งใดที่บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี แม้เราตถาคตก็กล่าวสิ่งนั้นว่า ไม่มี. สิ่งใดที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า มี แม้เราตถาคตก็กล่าวว่ามี

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี ซึ่งเราก็กล่าวว่าไม่มี นั้นคืออะไร? คือ รูปที่เที่ยงยั่งยืน สืบต่อกันไป มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี แม้เราตถาคตก็กล่าวรูปนั้นว่าไม่มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยง ยั่งยืน สืบต่อกันไป มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา ที่บัณฑิตทั้งหลายในโลกสมมติว่าไม่มี แม้เราตถาคตก็กล่าววิญญาณนั้นว่า ไม่มี

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือสิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี ซึ่งเราตถาคต ก็กล่าวว่า ไม่มี.

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า มี ซึ่งเราตถาคตกล่าวว่ามี คืออะไร

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คือ รูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ที่บัณฑิตทั้งหลายในโลกสมมติว่า มี แม้เราตถาคตก็กล่าวรูปนั้นว่ามี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดาที่บัณฑิตทั้งหลายในโลกสมมติว่ามี แม้เราตถาคตก็กล่าววิญญาณนั้นว่ามี.

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือสิ่งที่บัณฑิตทั้งหลายในโลกสมมติว่ามีซึ่งเราตถาคตกล่าวว่ามี.

[๒๔๐] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ในโลก มีโลกธรรม พระตถาคตย่อมตรัสรู้ ย่อมบรรลุ ครั้นแล้วก็บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผยกระทำให้ตื้น.

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย โลกธรรม ในโลกคืออะไร? พระตถาคตเจ้า ตรัสรู้ บรรลุธรรมนั้น ครั้นแล้ว ก็บอก แสดง บัญญัติแต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้น

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย โลกธรรมในโลก คือ รูป พระตถาคตเจ้า ตรัสรู้ ทรงบรรลุ รูปนั้น ครั้นแล้วก็ทรงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้น.

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระตถาคตเจ้าบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้ ผู้ใด ไม่รู้ ไม่เห็น เราตถาคตจะทำอะไรเขา ผู้ซึ่งเป็นคนพาล เป็นปุถุชน เป็นคนบอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ไม่เห็นอยู่.

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย โลกธรรมในโลก คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ พระตถาคตเจ้า ตรัสรู้ ทรงบรรลุวิญญาณ นั้น ครั้นแล้ว ก็ทรงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้น.

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคต บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผยกระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้ ผู้ใด ไม่รู้ไม่เห็น เราจะไปว่าอะไรเขา ผู้เป็นคนโง่ เป็นปุถุชน เป็นคนบอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ไม่เห็นอยู่.

[๒๔๑] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ดอกอุบลก็ดี ดอกปทุมก็ดี ดอกบุณฑริกก็ดี เกิดขึ้นแล้วในน้ำ ขึ้นพ้นน้ำ ตั้งอยู่ แต่ไม่แปดเปื้อน ด้วยน้ำ แม้ฉันใด

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย พระตถาคต ก็เช่นนั้นเหมือนกันแลเกิดแล้วในโลก เจริญแล้วในโลก ครอบงำโลกอยู่ แต่โลกไม่แปดเปื้อนเราได้.

จบ ปุปผสูตรที่ ๒

อรรถกถาปุปผสูตรที่ ๒

พึงทราบวินิจฉัย ในปุปผสูตรที่ ๒ ดังต่อไปนี้ :-

บทว่า วิวทติ ความว่า ชาวโลก เมื่อกล่าวว่า เที่ยง เป็นสุขเป็นอัตตา สวยงาม ชื่อว่า ย่อมกล่าวขัดแย้งกับเราตถาคตผู้กล่าวอยู่ ตามสภาพเป็นจริงว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่สวยงาม

บทว่า โลกธมฺโม ได้แก่ ขันธปัญจกะ (ขันธ์ ๕) ก็ขันธปัญจกะ นั้นเรียกว่า โลกธรรม เพราะมีการแตกสลายเป็นสภาพ.

ด้วยบทว่า กินฺติ กโรมิ ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า เราตถาคตจะทำอย่างไร เพราะว่าเราตถาคตมีหน้าที่อยู่เฉพาะก็แต่การบอกข้อปฏิบัติ ส่วนการบำเพ็ญข้อปฏิบัติเป็นหน้าที่ของกุลบุตรทั้งหลาย.

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้ (สรุปได้ว่า) พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสโลกไว้ ๓ ในสูตรนี้ คือ

ตรัสสัตวโลกไว้ในคำนี้ว่า นาหํ ภิกฺขเว โลเกน (ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตไม่กล่าวขัดแย้งกับโลก)

ตรัสสังขารโลกไว้ในคำนี้ว่า อตฺถิ ภิกฺขเว โลเก โลกธมฺโม (ดูกร ภิกษุทั้งหลาย มีโลกธรรมอยู่ในโลก)

(และตรัส) โอกาสโลกไว้ในคำนี้ว่า ตถาคโต โลเก ชาโต โลเก สวฑฺโฒ (พระตถาคตอุบัติแล้วในโลกทรงเจริญเติบโตแล้วในโลก) .

จบ อรรถกถาปุปผสูตรที่ ๒



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 28 มิ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

ปุปผสูตร

ว่าด้วยพระพุทธองค์ไม่ขัดแย้งกับชาวโลก

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ว่า พระองค์ไม่กล่าวขัดแยังกับชาวโลก ผู้กล่าวธรรมจะไม่กล่าวขัดแย้งกับใครๆ สิ่งใดที่บัณฑิตกล่าวว่า ไม่มี พระองค์ก็ทรงแสดงว่า ไม่มี คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เที่ยง ที่ยั่งยืน ไม่มี พระองค์ก็ทรงแสดงว่า ไม่มี สิ่งใดที่บัณฑิตกล่าวว่า มี คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา มี พระองค์ก็ทรงแสดงว่า มี

พระองค์ทรงตรัสรู้ โลกธรรม (ธรรมที่มีอันต้องแตกสลายไปเป็นธรรมดา) ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตามความเป็นจริง แล้วทรงแสดง บอก แต่งตั้ง เปิดเผย กระทำให้ตื้น เมื่อพระองค์ทรงประกาศอย่างนี้ ผู้ไม่รู้ ไม่เห็น พระองค์จะไปว่าอะไรเขาได้

พระองค์ทรงเกิดแล้วในโลก ทรงเจริญในโลก ทรงครอบงำโลก แต่โลกไม่แปดเปื้อนพระองค์ เปรียบเหมือนกับดอกบัวที่เกิดในน้ำ พ้นจากน้ำ ไม่ติดในน้ำ ฉะนั้น

ขอเชิญคลิกศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

ขันธ์ ๕ ได้แก่ปรมัตถธรรม ๓

ขันธ์ ๕ - ปรมัตถธรรม ๓

ขันธ์ ๕ คืออะไร และมีอะไรบ้าง

ขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริง

จิตและขันธ์ ๕

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 2 ก.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ความคิดเห็น 3    โดย nvrath  วันที่ 5 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ