การกระทำกรรม
โดย ลูกเม่า  18 พ.ค. 2561
หัวข้อหมายเลข 29741

บางคนทำบาปแต่รู้สึกไม่สบายใจ ไม่อยากจะทำเพราะรู้ว่าเป็นบาป แต่กับบางคนทำบาปด้วยความสมัครใจ มีความสุข ความบันเทิง และมีความภูมิใจในการกระทำเช่นนั้น เพราะอาจไม่มีความเชื่อเรื่องบาปบุญ หรืออย่างคนในศาสนาอื่นที่ไม่เชื่อเรื่องสัตว์มีวิญญาน เช่น เกมส์กีฬาการล่าสัตว์ หรือเป็นข้าราชการทำเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านโดยความจริงไม่มีการจ่ายค่าเช่ากันจริง อย่างนี้การให้ผลของกรรมจะมีความแตกต่างกันอย่างไร และหากทำบ่อยๆ ต่อเนื่องกัน เป็นพหุลกรรม ปกติจะส่งผลถึงอาสัณกรรมอย่างไร เช่นว่าเมื่อส่งผลให้เกิดเป็นอาสัณกรรมแต่เขาไม่ได้รู้สึกเป็นความชั่ว จิตก็ไม่เศร้าหมองจะส่งผลถึงการปฏิสนธิในภพใหม่อย่างไร



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 18 พ.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บาปธรรม สภาพธรรมที่เป็นอกุศลธรรมไม่เปลี่ยนลักษณะ ไม่ว่าเกิดกับใคร บุคคลใด แต่ก็แตกต่างกันไป ในความมีกำลังของอกุศลธรรม

การรู้ตัวแล้วก็ยังทำบาปอยู่ นั่นก็แสดงให้เห็นถึงกำลังกิเลสที่จะประมาทไม่ได้เลยครับ แม้รู้อยู่ก็ทำได้ แต่คำว่ารู้อยู่นี้ก็มีหลายระดับ รู้ด้วยปัญญาเพียงเห็นโทษเพียงเล็กน้อย แต่ปัญญานั้นน้อยมาก ไม่สามารถต้านทานกิเลสได้ ก็ทำกรรมชั่ว ทำบาปได้ในขณะต่อมาครับ เหมือนกับการฟังพระธรรม ฟังแล้วเข้าใจ หรือเป็นกุศลเพียงชั่วขณะเล็กน้อย แต่ขณะต่อไปก็เป็นอกุศลแล้ว ไหลไปตามกำลังอกุศลที่สะสมมามากนั่นเอง การรู้ตัวจึงเป็นเพียงการรู้ว่าทำชั่วอยู่ แต่ไม่ใช่ปัญญาที่มีกำลังอะไร จึงไม่สามารถต้านทานกำลังกิเลสได้ครับ แต่ที่สำคัญ การรู้ว่าทำชั่ว ย่อมดีกว่าไม่รู้ กำลังของกิเลสย่อมน้อยกว่า คนที่ไม่รู้เลยว่าทำชั่วครับ การรู้ตัว อาจมีความละอาย มีกุศลเพียงเล็กน้อยก่อนทำบาปเกิดขึ้น แต่ขณะต่อไปก็ทำบาปไป ก็มีกุศลสลับบ้าง อกุศลกรรมที่ทำนั้นก็ไม่มีกำลังเท่าคนที่ไม่รู้ตัวเลย เพราะเป็นอกุศลเกิดขึ้นตลอดที่ไม่มีกุศลเลย

เหมือนกับการจับถ่านไฟ คนที่พอรู้ตัวว่าเป็นถ่านไฟ การจับ ก็จับไม่เต็ม ฉันใด คนที่ทำบาป พอรู้ตัวว่าทำชั่ว ก็ยังไม่เป็นอกุศลตลอด มีความรู้ตัว เห็นโทษบ้างที่เป็นกุศลสลับ โทษจึงน้อย กำลังของอกุศลกรรมจึงน้อยกว่า คนที่ทำบาปโดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าผิด ก็เป็นอกุศลตลอดนั่นเองครับ เหมือนกับการจับถ่านไฟ คนที่ไม่รู้เลยว่าเป็นถ่านไฟร้อน ก็จับไปเต็มๆ มือก็ไหม้มากกว่า คนที่รู้ว่าเป็นถ่านไฟร้อน แต่ก็จับครับ

จะเห็นถึงประโยชน์ของการศึกษาธรรมไหมครับว่า หากไม่ศึกษาธรรม ฟังธรรมเลย ก็จะไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นกุศล สิ่งใดเป็นอกุศล สิ่งใดเป็นการทำกรรมดี กรรมชั่ว แต่เมื่อได้ศึกษาพระธรรม ก็ยังมีจิตรู้ว่ากำลังทำชั่วอยู่ ก็ยังดีกว่าการไม่รู้เลย เพราะไม่ได้ศึกษาก็จะไม่เห็นโทษบ้างเลย ในบางขณะแม้การทำชั่วครับ แต่ผู้ที่ได้ศึกษาธรรม ก็มีการเห็นโทษ รู้ตัวบ้างในบางขณะ ว่าทำชั่วครับ นั่นก็เป็นประโยชน์แล้ว เพราะเริ่มรู้ เริ่มเห็นโทษ แม้ตอนนี้จะยังละไม่ได้ก็ตาม เพราะยังเป็นผู้หนาด้วยกิเลสนั่นเองครับ ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 18 พ.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเป็นจริงของธรรม ไม่เคยเปลี่ยน เป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น ใครๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ที่เรียกว่าเป็นคนชั่ว ก็เพราะเหตุว่า ธรรมฝ่ายชั่ว ธรรมฝ่ายไม่ดี คือ อกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ถูกอกุศลครอบงำ จึงมีความประพฤติเป็นไปตามกำลังของอกุศล คนชั่ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมามีในสมัยนี้ แต่ มีทุกยุคทุกสมัย ตามความเป็นจริงแล้ว ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว ตามสมควร
ขณะที่ทำกรรมชั่ว นั้น เป็นการสร้างเหตุใหม่ เมื่อกรรมถึงคราวที่จะให้ผล ผลก็ย่อมเกิดขึ้น ย่อมทำให้ได้รับในสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ เป็นไปไม่ได้เลยที่เหตุไม่ดีจะให้ผลเป็นดี

และที่ควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ เรื่องของคนอื่น ก็เป็นเรื่องของคนอื่น แต่สำหรับเรา ในภพนี้ชาตินี้ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา ได้กระทำกิจที่ควรกระทำสำหรับตนเองแล้วหรือยัง นั่นก็คือ เป็นผู้ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาและน้อมประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ในชีวิตประจำวัน สะสมเป็นที่พึ่งให้กับตนเองต่อไป ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย วิริยะ  วันที่ 18 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย thilda  วันที่ 18 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ