วินัยพระกับเณร
โดย pong2  29 ม.ค. 2556
หัวข้อหมายเลข 22412

วินัยพระกับเณรต่างกันอย่างไร



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 29 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

โดยศัพท์คำว่า สามเณร หมายถึงเหล่ากอ หรือเชื้อสายของสมณะ สามเณรมีสิกขาบท ๑๐ คือ

-งดเว้นจากการฆ่าสัตว์

-งดเว้นจากการลักทรัพย์

-งดเว้นจากการประพฤติอพรหมจรรย์ (การเสพเมถุน)

-งดเว้นจากการพูดเท็จ

-งดเว้นจากดื่มสุราเมรัย

-งดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล

-งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการเล่น

-งดเว้นจากการลูบทา ทัดทรง ประดับตกแต่งร่างกายด้วยระเบียบดอกไม้ ของหอม เครื่องย้อม เครื่องทาอันเป็นฐานะแห่งการแต่งตัว

-งดเว้นจากการนั่งและการนอนบนที่นั่งที่นอนสูงใหญ่

-งดเว้นจากการรับเงินทอง

เมื่อสามเณรก้าวล่วงสิกขาบท ข้อที่ ๑ ถึง ข้อที่ ๕ ข้อใดข้อหนึ่ง เมื่อนั้นย่อมขาดจากความเป็นสามเณรทันที (เหมือนปาราชิกของพระภิกษุ) ย่อมควรแก่การนาสนะคือขับไล่ออกจากวัด แต่เมื่อก้าวล่วงสิกขาบท ๕ ข้อหลัง ควรแก่การลงโทษบางอย่างตามสมควรแก่พระวินัย แต่สามเณรที่ขาดจากความเป็นบรรพชิตแล้ว เมื่อกลับตัวกลับใจ เห็นโทษโดยความเป็นโทษ พระภิกษุท่านให้สรณะและศีลใหม่ ความเป็นสามเณรก็ยังคงเหมือนเดิมเมื่ออายุครบก็บวชเป็นพระภิกษุได้ ซึ่งต่างจากพระที่ว่าเมื่อปาราชิกแล้ว จะกลับมาบวชเป็นพระภิกษุใหม่อีกไม่ได้

สรุป คือ ปาราชิกของสามเณรกับปาราชิกของพระภิกษุไม่เหมือนกัน อนึ่ง สามเณรมีปาราชิก ๒ ประเภท คือ ประเภทแรกที่กล่าวไป กลับมาบวชใหม่ได้ แต่ปาราชิกอีกประเภทหนึ่งบวชใหม่อีกไม่ได้ เช่น สามเณรข่มขืนพระภิกษุณี หรือฆ่าพระอรหันต์ เป็นต้น กลับมาบวชเป็นสามเณร หรือพระภิกษุอีกไม่ได้

ดังนั้น สำหรับสามเณร ไม่ได้มีอาบัติดังเช่นพระภิกษุ ไม่มีอาบัติสังฆาทิเสส แต่สามารถขาดจากการเป็นสามเณรได้ และ มีการลงโทษตามสมควรกับพระวินัยได้ ครับ เมื่อสามเณรไม่ได้มีอาบัติสังฆาทิเสสเช่นพระ จึงไม่ต้องอยู่ปริวาส ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่ครับ

เกี่ยวกับสามเณร

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย pong2  วันที่ 29 ม.ค. 2556

ขอบคุณครับ ตอนบวชพระทำสังฆาทิเสสแล้วสึกมา ไม่ได้แก้ ถ้ากลับไปบวชเป็นสามเณรจะได้หรือเปล่า ความผิดเดิมจะต้องทำอย่างไรครับ


ความคิดเห็น 3    โดย paderm  วันที่ 29 ม.ค. 2556

เรียน ความเห็นที่ 2 ครับ

เมื่อคราวบวชเป็นพระ ไม่ว่าจะต้องอาบัติข้ออะไร หากสึกออกมาแล้วเป็นเพศคฤหัสถ์ ย่อมไม่มีอาบัติตติดตัวมาครับ และ ก็สามารถบวชเป็นสามเณรได้ และ อาบัติ มีสังฆาทิเสส เป็นต้น ก็ไม่ติดตามมาด้วย ไม่ต้องทำปลงอาบัติสังฆาทิเสส ครับ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 4    โดย pong2  วันที่ 29 ม.ค. 2556

ขอบคุณครับ


ความคิดเห็น 5    โดย khampan.a  วันที่ 29 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระวินัยบัญญัติแต่ละสิกขาบท พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติด้วยพระองค์เอง เพื่อให้พระภิกษุได้สำรวมระวัง ไม่ล่วงละเมิดในสิกขาบทนั้นๆ อันจะเป็นไปเพื่อฝึกหัด กาย วาจา ใจ ให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควร เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว โอกาสที่จะล่วงละเมิดสิกขาบทก็ย่อมจะมีได้มาก รวมถึงต้องอาบัติสังฆาทิเสสด้วย ซึ่งเมื่อต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว ต้องแก้ไขด้วยการประพฤติวุฏฐานวิธี (อยู่กรรม) ตามพระวินัย จึงจะพ้นจากอาบัติสังฆาทิเสสได้ ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาบัติหนักหรือเบา ถ้าไม่ได้แก้ไขให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยแล้วย่อมมีโทษแก่ภิกษุรูปนั้น เป็นเครื่องกั้นในการบรรลุมรรคผลนิพพาน และถ้ามรณภาพในขณะที่ยังมีอาบัติอยู่ ก็เป็นผู้มีอบายภูมิเป็นที่ไปในเบื้องหน้า แต่ถ้าได้แก้ไขให้ถูกต้องแล้ว ย่อมไม่เป็นเครื่องกั้น

สำหรับสามเณร ไม่มีอาบัติสังฆาทิเสส แต่ขึ้นชื่อว่าสิ่งไม่สมควรแก่เพศบรรพชิต เช่น จับต้องกายหญิง พูดเกี้ยวหญิง เป็นต้น แม้สามเณรก็ไม่ควรกระทำ เป็นสิ่งที่จะมีแต่จะเพิ่มโทษให้ตนเองโดยส่วนเดียว

ถ้าหากว่าลาสิกขาแล้ว ก็ไม่ใช่เพศบรรพชิตอีกต่อไป แต่เป็นคฤหัสถ์ สามารถเป็นคนดีในเพศคฤหัสถ์ได้ โดยไม่ต้องวิตกกังวลในเรื่องสิ่งที่ไม่เหมาะสมที่กระทำในเพศบรรพชิต เพราะเป็นคฤหัสถ์แล้วไม่ใช่เพศบรรพชิตอีกต่อไป ก็ควรที่จะเป็นคนดี ควบคู่ไปกับการฟังพระธรรมให้เข้าใจให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


ความคิดเห็น 6    โดย wannee.s  วันที่ 29 ม.ค. 2556

พระภิกษุกับเณร ศีลก็ต่างกันแล้ว พระภิกษุ ๒๒๗ ข้อ เณร ๑๐ ข้อ เณรหุงหาอาหารได้ แต่พระทำไม่ได้ เณรไม่ต้องอยู่ปริวาส เพราะไม่ต้องถือศีลมากเหมือนพระภิกษุสงฆ์ ค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย nopwong  วันที่ 30 ม.ค. 2556

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 8    โดย chatchai.k  วันที่ 12 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ