สังสารวัฏฏ์ คือ การเกิดสืบต่อของขันธ์ ของธาตุ ของอายตนะ โดยไม่สิ้นสุด เมื่อมีการจุติแล้วปฏิสนธิทันที ทันทีที่จุติจิต คือ จิตดวงสุดท้ายของภพนี้ดับลงไป เหตุปัจจัย คือ กรรมที่ได้กระทำแล้วกรรมหนึ่งจะเป็นชนกกรรมทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อทันที เป็นสังสารวัฏฏ์
รับฟัง ...
กุศลที่ควรเจริญ
ท่านคิดถึงความตายที่ทำให้ท่านเศร้าโศก เวลาที่มีใครเกิด ท่านดีใจไหม เวลามีญาติมิตรสหายผู้เป็นที่รัก วงศาคณาญาติ มีการเกิดขึ้น ท่านดีใจไหม ปกติธรรมดา ดีใจ เพราะฉะนั้น ทันทีที่จุติก็ปฏิสนธิ ทำไมจะคิดแต่ตอนที่ทำให้เศร้าโศกเสียใจ คือ ตอนจุติ ตอนตาย เพราะทันทีที่จุติก็ปฏิสนธิ เกิดแล้ว ควรดีใจไหม แต่เพราะเหตุว่าไม่ได้ระลึกถึงความจริงอย่างนี้ ท่านก็เศร้าโศก ร้องไห้ ในการพลัดพรากจากบุคคลซึ่งเป็นที่รัก ที่เคารพ ที่นับถือ ผู้มีคุณ แต่ว่าถ้าคิดจริงๆ แล้ว เมื่อตายแล้วก็เกิด ตายแล้วก็เกิด เป็นของธรรมดา ไม่หมดสิ้นสักที ควรที่จะถึงการจุติแล้วไม่มีปฏิสนธิเกิดอีกเลย นั่นจึงควรจะดีใจจริงๆ
ทุกอย่างเป็นธรรม ถ้าท่านพิจารณาละเอียดขึ้น ท่านจะไม่เกิดอกุศลจิตมาก เพราะเหตุว่าการร้องไห้ก็ดี การเศร้าโศกก็ดี เป็นอกุศลจิต กำลังเศร้าโศก กำลังร้องไห้ จิตใจไม่ผ่องใส อะไรทำให้จิตไม่ผ่องใส ก็เพราะยังมีกิเลสอยู่ จึงทำให้มีความโศกเศร้า มีการร้องไห้ มีความเสียดายเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้น สภาพธรรมทั้งหมดที่ได้ทรงแสดงไว้ ทรงแสดงไว้ตามความเป็นจริง เพื่อที่จะให้ท่านผู้ฟังได้พิจารณา และเป็นปัจจัยให้เกิดกุศลจิต ไม่ใช่เกิดอกุศลจิต ทั้งๆ ที่ท่านทราบว่า การร้องไห้ การเศร้าโศก ไม่มีประโยชน์เลย เป็นอกุศลจิต แต่ยับยั้งได้ไหม ไม่ได้ มาถึงความจริงอีกข้อหนึ่ง คือ ความเป็นอนัตตาของธรรมทั้งหลายที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน [ตอนที่ 217]