มีเจ้าที่เจ้าทางที่อยู่ตามบ้าน จริงไหม
โดย บ้านธัมมะ  28 ก.พ. 2567
หัวข้อหมายเลข 47533

ผู้ฟัง ชีวิตของคนแต่ละคนที่เกิดมาในโลกนี้ ก็จะได้ จะเป็น หรือจะมีก็ขึ้นอยู่กับกรรมดี และกรรมชั่วที่แต่ละคนสะสมมา นี่คำถามหนึ่ง ซึ่งคิดว่าใช่ แต่มีคนกล่าวว่า เจ้าที่เจ้าทางที่อยู่ตามบ้าน จะมีอิทธิพลกับคนในบ้านบ้าง หรือไม่ อยากได้รับคำยืนยันตรงนี้

ท่านอาจารย์ ถ้าเป็นคำตอบโดยที่ไม่เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ก็เป็นความเข้าใจที่ไม่มั่นคง เพราะฉะนั้นการเข้าใจสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้าค่อยๆ ไตร่ตรองพิจารณาถึงความละเอียด และลึกซึ้งก็จะทำให้มั่นคง ไม่ใช่เมื่อคนนี้กล่าวว่าอย่างนี้ก็เห็นตาม หรืออีกคนกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็เห็นตาม

เพราะฉะนั้นก่อนอื่น “เจ้าที่” คืออะไร คำแรกที่สุดของทุกครั้งที่ต้องการรู้คำตอบ หรือความจริง ที่จะพิจารณาแล้วเข้าใจได้ ก็คือต้องรู้ก่อนว่าสิ่งนั้นคืออะไร มิฉะนั้นถ้าเราพูดถึงเรื่องอะไรก็ตามมากมาย โดยที่ไม่รู้ว่า สิ่งนั้นคืออะไร เปล่าประโยชน์ ยังไม่รู้เลยว่าคืออะไร แล้วก็ไปพูดถึงเรื่องนั้นมากมาย

เพราะฉะนั้นก่อนอื่นค่อยๆ คิด “เจ้าที่” คืออะไร ลองถามคนที่เขาพูดเรื่องเจ้าที่ เขาก็จะมีคำตอบต่างๆ กัน เพราะฉะนั้นแล้วแต่คิด เพราะเหตุนี้ต่างคนต่างคิด แต่ความจริง “เจ้าที่” คืออะไร มีจริงๆ หรือไม่ หรือคิดว่ามี

ผู้ฟัง เห็นเขาว่าเป็นเทวดาที่อยู่ประจำบ้าน และเคยอ่านเจอในพระไตรปิฎกว่า มีเทวดา มีรุกขเทวดา มีพระแม่ธรณี

ท่านอาจารย์ เห็นเขาว่าหรือ

ผู้ฟัง ในหนังสือก็เคยเจอ

ท่านอาจารย์ แต่ก่อนอื่นควรคิดว่า เทวดาเป็นใคร มีจริง หรือไม่ คือไม่ตามใครไป ใครจะว่าอะไรก็ตามไปโดยที่ยังไม่รู้จริงๆ แต่ตามความเป็นจริงก็น่าจะคิดว่า เทวดา หรือเทพที่เคยได้ยินบ่อยๆ มีจริง หรือไม่ แล้วเป็นอะไร ข้อสำคัญที่สุดเป็นอะไร เทวดาน่าจะมีจริง ใช่ไหม เพราะอะไรถึงคิดว่า น่าจะมีจริง

ผู้ฟัง จากพระไตรปิฎก ก็เคยอ่านเจอ

ท่านอาจารย์ โลกนี้มีสิ่งที่ปรากฏที่เป็นสัตว์โลกที่มีจริง ๒ ประเภท มนุษย์กับสัตว์เดรัจฉาน ถูกต้องไหม ไม่ได้มีแต่มนุษย์เลยในโลกนี้ สัตว์เดรัจฉานก็มี สัตว์เดรัจฉานกับมนุษย์ต่างกันที่ไหน แม้แต่มองเห็น สัตว์ก็มีตา มี หรือไม่ แล้วสัตว์ก็เห็น หรือไม่ ก็เห็น แต่ทำไมเป็นสัตว์ ทำไมเป็นมนุษย์ ต้องเป็นสภาพธรรม หรือธาตุที่เป็นธรรม

การเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้ละเอียดขึ้นก็ต้องสามารถรู้ความจริง แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน และมนุษย์ต่างกันตรงไหน ตา จักขุปสาท ต่างกัน หรือไม่ ถ้าเข้าใจคำว่า “จักขุปสาท” หมายความถึงรูปที่สามารถกระทบกับสิ่งที่กระทบได้ เช่น จักขุปสาทเป็นรูปพิเศษ ไม่ใช่อ่อน หรือแข็ง อ่อน หรือแข็งกระทบอะไรไม่ได้เลย แต่มีรูปพิเศษที่ต้องอาศัยธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมเกิดขึ้น แต่มีลักษณะที่สามารถกระทบกับสิ่งที่กระทบได้ เช่น ขณะนี้กำลังเห็น สิ่งที่ปรากฏทางตากระทบได้จึงปรากฏได้ กระทบกับอะไรได้ กระทบหูไม่ปรากฏแน่ เพราะไม่ใช่รูปที่ไปกระทบหู เพราะฉะนั้นก็ต้องกระทบกับรูปที่เป็นจักขุปสาท สามารถกระทบกับธาตุที่เป็นวัณณะที่กระทบกับจักขุปสาท เท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องมีจิตเห็นเกิดขึ้น

เพราะฉะนั้นจักขุปสาทของสัตว์เดรัจฉาน และของมนุษย์เหมือนกันไหม ธรรมเป็นธรรม เปลี่ยนธรรมไม่ได้เลย จักขุปสาทคืออะไร คือรูปที่สามารถกระทบกับสิ่งที่กระทบได้ ถ้าเป็นวัณณรูปก็สามารถกระทบกับรูปที่เป็นจักขุปสาท กระทบรูปอื่นไม่ได้เลย ถ้าเป็นเสียง กระทบจักขุปสาทไม่ได้ แต่กระทบโสตปสาทรูปได้ เสียงก็เป็นรูปที่กระทบกับโสตปสาท

เพราะฉะนั้นพูดถึงจักขุปสาท ไม่ได้พูดถึงอะไรเลย พูดถึงตัวจักขุปสาท แต่มีสัตว์ที่ต่างกับมนุษย์ เพราะฉะนั้นจักขุปสาทของมนุษย์กับของสัตว์ต่างกันไหม

ผู้ฟัง ต่างกัน

ท่านอาจารย์ ถ้าต่าง จักขุปสาทคืออะไร

ผู้ฟัง ก็คือรูปที่เราเห็น แล้วเรารู้สึก

ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ นี่คือความละเอียดของธรรม ซึ่งทำให้แม้เห็นก็ไม่เคยรู้ความจริงของเห็นซึ่งเกิดแล้วก็ดับไป โดยอาศัยปัจจัย ถ้าไม่มีปัจจัย คือไม่มีสิ่งที่สามารถกระทบจักขุปสาท และไม่มีจักขุปสาท และไม่มีจิตเกิดขึ้นเห็น สิ่งที่กำลังปรากฏทางตาขณะนี้ปรากฏไม่ได้

นี่คือการเข้าใจธรรมซึ่งปกปิดหุ้มห่อไว้ด้วยอวิชชา ไม่เห็นว่าเป็นธรรม แต่เห็นว่าเป็นเรา เป็นเขา เป็นบุคคลนั้นบุคคลนี้ แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง และทรงแสดงความจริงซึ่งใครจะปฏิเสธ

เพราะฉะนั้นทุกอย่างไม่ใช่ง่าย ที่จะเข้าใจตัวธรรมจริงๆ คำต่างๆ ภาษา พยัญชนะ ถ้าเปรียบเทียบกับอรรถแล้ว พยัญชนะตื้น แต่ตัวอรรถจริงๆ ของธรรมซึ่งเกิดดับเมื่อมีเหตุปัจจัยอย่างเร็วแสนเร็ว ปรากฏเพียงนิมิตสัณฐาน เกิดเมื่อไรก็พร้อมนิมิตทันที เหมือนอย่างนั้น แต่ความจริงธรรมละเอียดกว่านั้นมากที่จะเห็นว่าเป็นอนัตตาจริงๆ ไม่ใช่ใครเลย เป็นธาตุ เป็นธรรม ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับ เพื่อละความเห็นผิด การที่เคยติดข้องยึดถือสิ่งที่ปรากฏ เพราะไม่รู้ว่า เป็นเพียงสิ่งที่แค่ปรากฏให้เห็น ให้ได้ยิน แล้วหมดไป ไม่กลับมาอีกเลย

ด้วยเหตุนี้ต้องเป็นความเข้าใจของตัวเอง ฟังดูเหมือนว่า ยังไม่ได้ตอบคำถามเรื่อง “เจ้าที่” เลย แต่จะตอบอย่างไร มีประโยชน์ไหมถ้าไม่เข้าใจธรรม

เพราะฉะนั้นประโยชน์จริงๆ ก็คือก่อนจะพูดเรื่องอะไร ขอให้เข้าใจว่า อะไรมีจริงๆ แล้วเริ่มเข้าใจสิ่งนั้นตามความเป็นจริง เมื่อเข้าใจแล้ว ก็สามารถตอบทุกปัญหาได้ เพราะว่าเป็นธรรมที่มีลักษณะที่ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้

เพราะฉะนั้นอย่าเพียงพอใจว่า ใครตอบให้เข้าใจ เหตุผลนิดหน่อยก็พอแล้ว นั่นคือไม่ได้ฟังธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเป็นความคิดความเข้าใจของคนที่ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผิดก็มี ถูกก็มี ผิดมาก ถูกนิดเดียว หรือส่วนน้อย และไม่ตลอดด้วย เพียงผิวเผินเท่านั้น เพราะฉะนั้นเพียงแค่คำถามที่ต้องไตร่ตรองเพื่อเข้าใจทุกคำถาม จะมีประโยชน์ เพราะว่าเป็นปัญญาที่ไตร่ตรองแล้ว ไม่ใช่เพียงแต่ฟังคนอื่น

พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 435