ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๕

~ พระธรรมแต่ละคำที่แต่ละคนได้ยินได้ฟังนี้ มาจากการบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนานของผู้ที่จะได้ทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำคือพระมหากรุณาคุณตั้งแต่ครั้งทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นพระโพธิสัตว์จนกระทั่งได้ทรงตรัสรู้ มีค่ามากสำหรับที่จะทำให้คนอื่นได้มีความเข้าใจจริงๆ ในเรื่องของกรรม ในการเห็นโทษของอกุศล ในเรื่องของการละชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และชำระจิตให้บริสุทธิ์หมดจดจากอกุศล เป็นต้น ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระองค์ ก็จะไม่ได้ยินแม้แต่คำว่า ธรรม
~ เจรจาน่ารัก คือ การพูดคำที่ไม่กระทบกระเทือนจิตใจของบุคคลอื่น เป็นคำที่ฟังแล้วไม่แสบร้อน เกิดขึ้นเพราะกุศลจิตที่ประกอบด้วยเมตตา
~ ธรรมที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นั้นต้องเป็นกุศล แต่ว่ายากที่จะเกิด เพราะเหตุว่าเมื่อสะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้นผู้ที่เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น กล่าวคือคุณของกุศลธรรม ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ได้เจริญกุศลในชีวิตประจำวัน
~ อกุศลทั้งหมด เกิดมาจากความไม่รู้ ตราบใดที่ยังมีความไม่รู้ จะหมดอกุศลไม่ได้เลย
~ ในชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นผู้มีเมตตาแล้ว ก็จะทำให้กุศลจิตอีกหลายประการเกิดได้แต่ข้อสำคัญต้องเป็นผู้ตรงจริงๆ เมตตาจึงเป็นธรรมเครื่องอยู่ของผู้ประเสริฐ ถึงแม้ว่าจะมีใครกล่าวร้าย ว่าร้าย หรือว่ามีกิริยาอาการที่ไม่เหมาะสมประการใดก็ตาม บุคคลผู้นั้นก็ไม่หวั่นไหว
~ ถ้าจิตดี กายก็จะดี การกระทำทุกอย่างก็จะอ่อนโยน นุ่มนวล ขณะนั้นเป็นไปตามสภาพจิตที่ดี
~ ทุกคนต่างกันตามการสะสม ใครที่มีกาย วาจา ไม่ดี เพราะไม่รู้ ถ้ารู้ เขาอยากจะเป็นอย่างนั้นไหม ทั้งหมดคือความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ถ้ามีเมตตาไม่ว่าทางหนึ่งทางใดที่จะทำให้เขารู้ขึ้น เข้าใจถูกขึ้น นั่นเป็นประโยชน์สูงสุด
~ การที่พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ การอบรมที่จะให้มีความเห็นถูกต้องจริงๆ ก็ละเอียด และก็ยากมาก นี่ก็เป็นประโยชน์เหมือนเป็นการที่มีเกราะป้องกันที่จะไม่ให้ไปสู่ความเห็นผิด
~ ธรรม ยาก เพราะฉะนั้น ไม่มีตัวตนที่จะไปทำให้ง่าย หรือว่าไม่มีความเป็นตัวตนที่อยากจะได้ผลเร็วๆ แต่เป็นผู้ที่ตรงที่จะต้องสะสมความเข้าใจ ความละเอียด ความลึกซึ้งของธรรมจนกว่าจะเป็นปัญญาของตัวเองที่ค่อยๆ เข้าใจถูกต้องขึ้น
~ กุศลจิตไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ขณะไหน วัยไหน ก็ตามเป็นที่ๆ ควรแก่การอนุโมทนา คำสอนละเอียดมาก เพื่อป้องกันความเห็นผิดทุกอย่าง
~ จะต้องเป็นผู้ที่มีกุศลจิต ที่ใคร่ที่จะขัดเกลาอกุศลนั้นๆ ซึ่งเป็นการยากถ้าได้สะสมมาในสังสารวัฏฏ์ฎ์แสนนาน แล้วก็จะให้หมดสิ้นไปในวันเดียว ๒ วัน เดือนหนึ่ง ชาติหนึ่ง เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเกิดหิริ ความละอายขึ้น แล้วเห็นว่าเป็นอกุศล แล้วก็รู้ว่า อกุศลที่ได้สะสมมา ไม่ได้หมดไปโดยเร็วแน่ แต่ว่าย่อมหมดได้ ถ้ามีความเพียร และมีกุศลเจตนาจริงๆ ที่จะขัดเกลา แต่ว่าต้องเกิดหิริโอตตัปปะก่อน มิฉะนั้นก็จะไม่เห็นว่า อกุศลต่างๆ เหล่านั้นเป็นโทษเป็นภัย
~ ผู้หวังร้าย ถึงแม้ว่าจะนอนบนที่นอนที่น่าจะสบายสักเท่าไร ขณะนั้นก็เป็นทุกข์แล้วเพราะความโกรธ
~ ขณะใดที่โกรธ เป็นมิตรกับคนที่เรากำลังโกรธหรือเปล่า ไม่ใช่เลย เครื่องพิสูจน์มีมากว่า เป็นมิตรจริงๆ หรือเปล่า ไม่ใช่คิดจะให้คนอื่นเป็นมิตรกับเรา แต่ที่ถูกต้องก็คือ ผู้ที่ฟังธรรมนั้นแหละประพฤติปฏิบัติธรรมะแค่ไหน ตามความเข้าใจ ตนเองได้ฟังธรรมะ มีความเข้าใจ เพราะฉะนั้น น้อม คือ ขณะที่ฟังเปลี่ยนจากเดิมที่เคยโกรธง่าย แล้วก็เคยว่าร้ายง่ายๆ ก็มีความเป็นเพื่อนมากขึ้น เป็นมิตรมากขึ้น
~ ในการฟังพระธรรม ก็จะต้องอดทนที่จะสละเวลาของความสำราญความสุขรื่นเริง การพักผ่อนเพื่อฟังพระธรรม เพราะเหตุว่าบางคนคิดว่าการพักผ่อนสำคัญมาก แต่ว่ายังลืมเรื่องการพักผ่อนโดยกุศลจิตเกิดด้วยการฟังพระธรรม ซึ่งนั่นจะเป็นการพักผ่อนจากอกุศล เพราะมิฉะนั้นแล้วถึงจะพักผ่อนสนุกสนานสำราญใจอย่างไรก็ตาม ขณะนั้นก็เป็นด้วยอกุศลได้ คือด้วยความพอใจในขณะที่กำลังมีความรู้สึกสบายกายและสบายใจ
~ ไม่มีใครจะได้กระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสัตว์โลกเท่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่อย่าลืมว่าที่ทรงพระมหากรุณากระทำอย่างนั้น เพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลก เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้รับฟังพระธรรม ก็ควรที่จะน้อมระลึกถึงพระมหากรุณาคุณที่ได้ทรงแสดงพระธรรมไว้เป็นอันมาก เพื่อให้ทุกท่านเป็นผู้ที่ว่าง่ายต่อการที่กุศลจิตเกิด เป็นผู้ที่อดทน เป็นผู้ที่ไม่ว่ายากในการที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม
~ สภาพธรรมที่ดี ใครก็จะเปลี่ยนให้เป็นสภาพธรรมที่เลวก็ไม่ได้ สภาพธรรมที่ชั่ว ใครก็จะเปลี่ยนให้เป็นสภาพธรรมที่ดี ไม่ได้ โลภะ ความต้องการ ความติดข้อง ไม่เปลี่ยนลักษณะ เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นอกุศลก็ต้องเป็นอกุศล อโลภะสภาพที่สละความติดข้อง ความต้องการเป็นกุศล ใครจะเปลี่ยนลักษณะของสภาพอโลภเจตสิกให้เป็นอย่างอื่นก็เปลี่ยนไม่ได้ จะใช้ชื่อเรียกอะไรก็ตาม แต่ลักษณะของสภาพธรรมนั้นยังเป็นสภาพธรรมนั้นที่ไม่เปลี่ยน
~ ก่อนที่จะปฏิสนธิเป็นบุคคลนี้ ก็ต้องจุติ คือ เคลื่อนจากความเป็นบุคคลในชาติก่อน และอีกไม่นานจุติจิตก็จะเกิด แล้วก็จะทำกิจเคลื่อนพ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ แล้วกรรมหนึ่งก็จะทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด แล้วแต่ว่าจะเป็นกุศลกรรมที่ทำให้เกิดในสุคติภูมิ อกุศลกรรมทำให้เกิดในทุคติภูมิ
~ ถึงแม้ว่าคนอื่นจะโกรธ ก็ไม่ควรที่จะเอาชนะความโกรธของคนอื่นด้วยการโกรธตอบ แต่ว่าเมื่อคนอื่นโกรธ เราชนะกิเลสของตนเองโดยไม่โกรธตอบผู้ที่โกรธตน นั่นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
~ ท่านที่ได้กระทำทุจริตทางกาย ทางวาจา ทางใจ เวลานี้หวั่นกลัวเกรงภัยของบ้านเมือง ท่านอาจจะหนีพ้นชั่วคราวระยะหนึ่ง แต่ว่ากรรมที่ได้กระทำไว้ ก็จะต้องให้ผล แล้วแต่ว่าจะให้ผลมาก เผ็ดร้อน หนักเบา ตามควรแก่กรรมนั้นๆ แต่ ถ้าเปรียบเทียบกับการรับผลของกรรมในมนุษย์ ยังเบากว่าการรับผลของกรรมเมื่อเวลาที่ท่านไปเกิดในนรกมากทีเดียว
~ ถ้าทุกท่านที่ศึกษาธรรมแล้ว ไม่ช่วยกันเผยแพร่ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก หรือการพิจารณาธรรมที่จะเกิดการแทงตลอดในสภาพธรรมอย่างละเอียดลึกซึ้ง จะเป็นอย่างไรคะ ก็ต้องหมดไป ก็ต้องสูญไป เพราะฉะนั้น แต่ละท่านซึ่งได้เป็นผู้ที่ได้ศึกษาแล้ว แล้วก็เป็นผู้ที่เข้าใจความละเอียด ความลึกซึ้งของพระธรรมแล้ว ก็ควรที่จะได้ประกาศ ช่วยกันเจริญกุศล เกื้อกูล สนทนากัน เพิ่มพูนความรู้กัน เพื่อที่จะได้ทรงธรรมที่ได้สดับแล้ว แล้วก็จะได้ประโยชน์กับบุคคลอื่นต่อไปด้วย
~ อธิษฐาน ไม่ใช่ "ขอ"แต่เป็นความมั่นคงในกุศลธรรมเพราะรู้ว่า ถ้าขณะนั้น กุศลธรรมไม่เกิด อกุศลธรรมเกิดแล้วเพราะฉะนั้น ทุกโอกาสที่จะเป็นกุศล แต่ละประการ แต่ละขณะ ที่จะเป็นไปได้ ทำทันทีมิฉะนั้นแล้วอกุศลก็เพิ่มขึ้น
~ ใครมีปัญญาก็เป็นประโยชน์กับคนนั้น ขอให้เราเป็นคนหนึ่งที่จะมีปัญญาเป็นแสงสว่าง หรือ เป็นคนที่ทำความดีในท่ามกลางความชั่วร้ายที่บังคับบัญชาไม่ได้ แต่แม้กระนั้นเราก็จะพยายามทำความดี และศึกษาพระธรรมให้เข้าใจธรรมได้ถูกต้องมากขึ้น โดยไม่หวั่นไหว เพราะถึงอย่างไรก็ต้องจากโลกนี้ไปแน่
~ พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ละเอียดมาก เพื่อป้องกันความเห็นผิดทุกอย่าง
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๔

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของอาจารย์คำปั่นเป็นที่สุดคะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
กราบบูชาพระคุณท่่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด ก็ไม่มีหนทางเข้าใจถูก
พระธรรมจึงมีคุณค่ายิ่งสำหรับผู้เห็นประโยชน์ของปัญญา
กราบอนุโมทนากุศลวิริยะอาจารย์คำปั่นเป็นอย่างยิ่งค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กุศลจิตไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ขณะไหน วัยไหน ก็ตามเป็นที่ๆ ควรแก่การอนุโมทนา คำสอนละเอียดมาก เพื่อป้องกันความเห็นผิดทุกอย่าง
กราบ..อนุโมทนา..ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ