บทสัมภาษณ์ คุณวรรณี แซ่โง้ว กับ หนังสือพิมพ์สาส์นสวรรค์

ฉบับวันที่ 26 มีนาคม 25 เมษายน พ.ศ. 2554 ซึ่งมีข้อคิดธรรมดีๆ อันควรค่าแก่การพิจารณาครับ

ในประเด็นของหนังสือพิมพ์ที่ว่า ... นางฟ้า ... คอลัมน์เพชรในตม

คุณวรรณี แซ่โง้ว ... นางฟ้า

เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

แบ่งเป็น 2 ตอน เชิญคลิกอ่าน ตอนจบ ...

บทสัมภาษณ์คุณวรรณี แซ่โง้ว โดย นสพ.สาส์นสวรรค์ [๒]

ผู้เขียนได้รู้จักคุณวรรณี แซ่โง้ว เพียงฝ่ายเดียวประมาณ ๑๐ กว่าปีแล้ว แต่ไม่เคยได้คุยกันเลยเพราะเห็นเธอมุ่งมั่นกับการสร้างกุศลตลอดเวลา ผู้สัมภาษณ์ได้แต่แอบชื่นชมในการทำความดีอย่างสม่ำเสมอของเธออย่างเงียบๆ มาได้พูดคุยกับคุณวรรณีหลังจาก ๑๐ ปี ก็ตอนที่มาสัมภาษณ์เพราะคิดว่าคอลัมน์นี้เหมาะกับเธออย่างยิ่ง เธอเป็นนางฟ้าประจำมูลนิธิฯ เพราะเธอเป็นผู้ให้จริงๆ ช่วงเวลาที่ผู้สัมภาษณ์ได้ไปมูลนิธิ ฯ เพื่อจะไปสัมภาษณ์คุณวรรณี ได้เห็นความพากเพียรในการสร้างกุศลของเธอทุกด้าน เป็นคนจริงใจ จิตใจดี เอื้อเฟื้อ เมตตา มีแต่ให้ ขวนขวายในการสร้างกุศล และที่สำคัญเธอเป็นผู้ที่ปรนนิบัติท่านอาจารย์ทั้งสอง (อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และอาจารย์ดวงเดือน บารมีธรรม)

เวลาที่ผู้เขียนไปที่มูลนิธิ ฯ รู้สึกเกรงใจคุณวรรณีเป็นอย่างมากเธอจะหาข้าวหาน้ำให้ผู้เขียนรับประทานตลอด เธอเป็นอย่างนี้กับทุกคนไม่ได้เป็นเฉพาะเจาะจงกับผู้เขียนเพียงคนเดียว ขากลับยังฝากขนมและยาให้แม่ผู้เขียนด้วย หาสิ่งของมาให้ทุกครั้ง ถ้าว่างก็จะปั่นจักรยานไปส่งผู้เขียนเพื่อขึ้นรถเมล์ ขอขอบคุณ

สำหรับมิตรภาพและความจริงใจยิ่งใหญ่ที่คุณวรรณีมีให้ ขออนุโมทนานะคะ

หากท่านได้ติดตามและสัมผัสเรื่องราวชีวิตของคุณวรรณีแล้ว จะได้รู้ว่าทำไมเธอถึงมีจิตชอบสร้างกุศลอย่างต่อเนื่อง

ในวัยเด็กนั้นคุณวรรณีอยู่กับปู่และย่า ปู่และย่าชอบพาไปวัดจีน พาไปใส่บาตร หลังจากคุณย่าเสียชีวิต ท่านได้ให้เงินไว้จำนวนหนึ่ง จึงทำให้คุณวรรณีไม่เดือดร้อนเรื่องทรัพย์สิน คุณวรรณีมีครอบครัวแล้วและโชคดีที่ได้แฟนที่ดี เขาให้การสนับสนุนในสิ่งที่คุณวรรณีทำ ให้เงินใช้พอสมควรและมารับมาส่งที่มูลนิธิฯ ทุกวัน

ก่อนหน้าที่จะมาเป็นอาสาสมัครให้กับมูลนิธิฯ ช่วงว่างงานใหม่ๆ คุณวรรณีได้ไปช่วยป้อนข้าวป้อนน้ำให้เด็กที่บ้านราชวิถีตรงสี่แยกตึกชัย (สมัยก่อนอยู่ตรงนั้น) หลังจากนั้นก็ได้มาฟังธรรมะของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จากการแนะนำของเพื่อนที่ชื่อคุณสุธี พึ่งพรพรหม ตอนนั้นมูลนิธิฯ ยังไม่มีสถานที่เป็นของตัวเองจึงได้ใช้วัดบวรนิเวศ ห้องประชุมตึกสภาการศึกษาเป็นสถานที่บรรยายธรรม คุณวรรณีจะมาฟังธรรมสม่ำเสมอและช่วยงานมูลนิธิฯ ด้วย เช่น เปิด-ปิดหน้าต่าง ล้างแก้ว ล้างถ้วย

คุณวรรณีเริ่มเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ จนถึงปัจจุบัน ๒๗ ปีแล้ว ไม่รับเงินเดือนและทำงานโดยไม่มีวันหยุดเนื่องจากคุณวรรณีไม่หยุดเอง พอมีมูลนิธิฯ เกิดขึ้น งานก็มีเข้ามาเยอะ คุณวรรณีก็จะมาทำงานตั้งแต่เช้า งานที่ทำคือการตัดต่อเทป รับโทรศัพท์ รับบริจาค ดูแลเรื่องดอกไม้ ต้อนรับผู้ที่มามูลนิธิฯ ตอบกระทู้และร่วมแสดงความคิดเห็นในเวปไซด์บ้านธัมมะซึ่งเป็นเวปไซด์ของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา จะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสในการสร้างกุศลได้ผ่านไป เลี้ยงดูสุนัขในซอย ร่วมบริจาคเงินและของให้กับชาวเขาที่ยากจน (จากการสัมภาษณ์ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์) สิ่งที่คุณวรรณีได้รับตอบแทนทางใจคือการได้ทำประโยชน์ให้กับศาสนา ซึ่งทำให้เวลาที่ผ่านไปไม่เสียเปล่า และอยากทำชีวิตให้เป็นประโยชน์ด้วยการแสวงหาธรรมะ แสวงหาปัญญาเพื่อสะสมความดีไว้ในภพต่อๆ ไป

เชิญคลิกอ่าน ตอนจบ ...

บทสัมภาษณ์คุณวรรณี แซ่โง้ว โดย นสพ.สาส์นสวรรค์ [ตอนจบ]

ดูก่อนคฤหบดีบุตรมิตร ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ มิตรมีอุปการะ ๑มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ๑ มิตรแนะประโยชน์ ๑มิตรมีความรักใคร่ ๑ ท่านพึงทราบว่าเป็นมิตรมีใจดี (เป็นมิตรแท้)

ขอขอบพระคุณที่ได้ประกาศคุณงามความดีของพี่วรรณี และขออนุโมทนาในกุศลทุกประการของพี่วรรณีด้วยครับ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคุณขณิษฐา (ผู้เขียนคอลัมน์ เพชรในตม) ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านที่ได้ประกาศคุณความดีของพี่วรรณี

และขออนุโมทนาในกุศลทุกประการของพี่วรรณี ด้วยเช่นกันครับ

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาและเมตตาจิดของท่าน

ขอบพระคุณที่กรุณานำเรื่องราวดีๆ ของอาจารย์วรรณีมาลงให้ได้รับทราบนะครับ เรื่องราวชีวิตและกิจวัตรของท่านสอนใจผมได้มากพอๆ กับที่ท่านตอบกระทู้เลยครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์วรรณีด้วยนะครับ

ก้าวเล็กๆ ที่ค่อยๆ ก้าวไปสู่การอบรมเจริญปัญญา และระหว่างนั้น..ยังไม่ประมาทที่จะอบรมเจริญกุศลทุกประการ...ก้าวเล็กๆ ที่มั่มคง

ก้าวเล็กๆ

...ขออนุโมทนาในกุศลทุกประการของ นางฟ้า ที่ชื่อ คุณวรรณี แซ่โง้วขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านที่ได้นำแบบอย่างที่ดีมาให้ได้ชื่นชมค่ะ

สิ่งที่เห็นและถือเป็นตัวอย่างอันดีของคุณวรรณีคือเป็นผู้ศึกษาพระธรรมแล้วน้อมประพฤติปฏิบัติตาม คุณวรรณีเป็นนางฟ้าที่แสนดี..สม่ำเสมอ.กับทุกคน

ขออนุโมทนาคะ

ถ้าคุณวรรณีท่านนี้ใช้ชื่อใน webboard ว่า wannee.s ก็อยากบอกว่าในช่วงแรกๆ ที่เข้ามาสนทนาที่นี่ รู้สึกขัดๆ เขินๆ แต่เพราะข้อความที่เปี่ยมด้วยเมตตาจิตของท่าน ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจที่จะเข้ามาร่วมสนทนาจนถึงวันนี้

ขอบพระคุณอย่างสูง และขออนุโมทนาค่ะ

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 27

มิตตสูตร ว่าด้วยมิตร

[๑๖๒] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอเป็นมิตรของคนเดินทาง อะไรหนอเป็นมิตรในเรือนของตน อะไรเป็นมิตรของคนมีธุระเกิดขึ้น อะไรเป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า.

[๑๖๓] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า พวกเกวียน พวกโคต่างเป็นมิตรของคนเดินทาง มารดาเป็นมิตรในเรือนของตน สหายเป็นมิตรของคนผู้มีธุระเกิดขึ้นเนืองๆ

บุญที่ตนทำเองเป็นมิตรติดตาม ไปถึงภพหน้า.

ขออนุโมทนาพี่วรรณี ... นางฟ้าประจำมูลนิธิฯค่ะ

ขออนุโมทนาในเมตตาจิตของ พี่วรรณณี คับ

เป็นผู้ที่มีแต่ให้สมําเสมอ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวรรณีด้วยค่ะ และขอให้กุศลธรรมเจริญยิ่งขึ้นไป

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 142
กัลยาณมิตตตาทิวรรคที่ ๘

ว่าด้วยความมีมิตรดีเป็นเหตุให้กุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นต้น

[๗๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เสื่อมไป เหมือนความเป็นผู้มีมิตรดี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลมีมิตรดี กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป.

หลายปีมาแล้ว เคยได้โพสต์คำอนุโมทนาในความดีของคุณวรรณี โดยไม่เคยเห็นหน้าครั้งนี้ ได้มีโอกาสอนุโมทนาในความดีของคุณวรรณีด้วยใจจริงที่พบคุณวรรณีบ่อยๆ ที่มูลนิธิฯ

ขออนุโมทนาและชื่นชมในความเป็นมิตรที่แสนดี ในความงดงามทั้งภายนอกและภายใน ในกุศลทุกประการ ของ คุณวรรณี แซ่โง้ว ด้วยครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวรรณีค่ะ คำว่า * นางฟ้า * เหมาะสมกับ คุณวรรณีมากค่ะ

ขออนุญาตพูดถึงพี่วรรณีบ้างครับ

พี่วรรณีเป็นมิตรที่ดี หากได้รู้จักพี่วรรณีจริงๆ จะรู้ว่าพี่วรรณีเป็นคนตรง ตรงในที่นี้ คือ ไม่นำความลำเอียงมาตัดสินปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงานหรือสิ่งใด ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ไม่ได้เห็นแก่ใครว่าเป็นคนที่รักหรือไม่รัก ความเป็นผู้ตรงจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวัน หากขาดความเป็นผู้ตรงแล้ว ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย เพราะไม่ตรงตั้งแต่ต้น

ทุกคนยังมีความโกรธตราบใดที่ยังเป็นปุถุชน สำหรับพี่วรรณีก็ยังเป็นผู้มีความโกรธ แต่พี่วรรณี เมื่อโกรธแล้วหายเร็วมากและไม่เคยผูกโกรธใครเลย กับมีน้ำใจกับบุคคลนั้นด้วย นี่คือสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตเพราะหากยังไม่ชอบใครอยู่ ก็จะตัดสินปัญหาด้วยความอคติ แต่พี่วรรณีตรงกันข้ามครับ

พี่วรรณี เป็นมิตรที่มีน้ำใจกับทุกๆ คน เหตุที่มีน้ำใจกับทุกคนเพราะพี่วรรณีไม่ได้เห็นแก่บุคคลอื่นเพราะบุคคลนั้นมีชื่อเสียงหรือมีความร่ำรวย แต่พี่วรรณีเห็นประโยชน์ของการช่วยเหลือทีเป็นกุศลจิตที่ออกมาจากใจจริงๆ ด้วยเหตุนี้ พี่วรรณีจึงมีน้ำใจกับผู้อื่นด้วยความเสมอภาคครับ แบ่งปันสิ่งต่างๆ เสมอทั้งวัตถุและธรรมกับเพื่อนสหายธรรมทุกๆ ระดับด้วยความจริงใจด้วยกุศลจิตครับ สิ่งอื่นๆ ยังมีอีกมากที่จะบรรยาย...

พี่วรรณีเป็นมิตรที่จริงใจกับเพื่อนจริงๆ ครับ

สิ่งดีๆ ควรอนุโมทนา

ขออนุโมทนาและขอขอบคุณในความเป็นมิตรครับ

"นางฟ้าของมศพ. "เป็นผู้ให้ เสียสละทั้งกำลังกาย กำลังใจ อดทน มีน้ำใจงาม และมีโอกาสได้เจริญกุศลทุกๆ ประการ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สหายธรรมจริงๆ คะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผเดิม และขออนุโมทนากุศลทุกประการของคุณวรรณีด้วยคะ

ขออนุโมทนาค่ะ

ขอ อนุโมทนาค่ะ กุศลทุกประการควรเจริญอย่างยิ่ง คุณวรรณี เป็นบุคคลที่ควรเอาอย่างอีกท่านหนึ่ง

ขอบคุณทุกท่าน ที่นำมาเผยแพร่ค่ะ

คุณวรรณี เป็นมิตรกับทุกคน เป็นผู้สะสมมาที่จะให้จริงๆ ให้ทั้งวัตถุทานและธรรมทานเป็นผู้อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา และ ปรนนิบัติท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และท่านอาจารย์ดวงเดือน บารมีธรรม อย่างสม่ำเสมอ เป็นที่น่าอนุโมทนาในกุศลศรัทธาของคุณวรรณีอย่างแท้จริง ค่ะ ...

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผเดิม คุณวรรณี และ ทุกๆ ท่านค่ะ...

เห็นวงเล็บว่า (ตอนที่ ๑) .....

แล้วตอนที่ ๒ มีมั๊ยเอ่ย

รออ่านอยู่นะคะ.

ผมเป็นคนหนื่งที่รู้จักคุณวรรณีและชื่นชม และขอบคุณ ได้ทุกครั้งที่พบกัน (เพราะคุณวรรณีต้องช่วยเหลือ หรือ บริการผมและทุกคนทุกครั้ง) ตั้งแต่คุณวรรณีเรี่มเข้ามาทำงานทีมูลนิธิฯ

ผมรู้สึกชื่นชม อนุโมทนา และนับถือในการกระทำของคุณวรรณีมากเสมอมา โดยเฉพาะ เป็นเลิศ เรื่อง เวยยาวัจจะ การช่วยเหลือเกื้อกูล ต่อทุกคน ทุกเรื่อง ตลอดมา

นอกจากนี้คุณความดีทุกอย่างก็ได้เห็นคุณวรรณีได้้กระทำมาตลอดเช่น ความเมตตา ขยันขันแข็ง ไม่เคยละเลยการช่วยเหลือเมื่อได้รับการขอร้อง ใจดี ใจเย็น ไม่เคยแสดงความไม่พอใจ และอื่นๆ อีกมาก

ที่สำคัญที่สุดที่ผมนับถือ ชื่นชม อนุโมทนามากที่สุด คือคุณวรรณีมี สัทธาในธรรม และการเข้าใจธรรม

ขอบคุณและอนุโมทนาคุณวรรณี

บุคคลที่ดีมากที่ควรได้รับการยกย่องท่านหนึ่งในโลกที่ผมเคยรู้จักมาครับ

ผมจำได้แล้ว คุณวรรณีคนนี้นี่เอง ที่ผมได้เจอเมื่อครั้งที่ไปมูลนิธิฯ ครั้งแรกในชีวิตเมื่อปี 2554 แล้วหลังจากนั้น ก็ไม่เคยไปอีกเลย

แต่คุณวรรณีเป็นผู้พาผมไปพบท่านอาจารย์สุจินต์ที่ห้องพักด้านหลัง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้พบท่านอาจารย์สุจินต์ และได้เจออาจารย์คำปั่นด้วย (แต่ตอนนั้นยังไม่รู้จักอาจารย์คำปั่นว่าคือใคร แต่เห็นอาจารย์คำปั่นกำลังกราบอาจารย์อยู่)

ตอนนั้น ท่านอาจารย์สุจินต์กำลังอ่านหนังสือพระไตรปิฎกอยู่ ผมได้พบ ก็ก้มกราบลงแทบเท้าท่านอาจารย์พร้อมกับร้องไห้อย่างกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้อยู่อย่างนั้นเป็นนาน ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่รู้สึกเป็นการร้องไห้เพราะผมรู้สึกปลื้มปิติจนล้นออกมา รู้สึกว่าทำไมตัวเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้มีบุญเกิดมาทันได้ฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์ รู้สึกว่าโชคดีอย่างเหลือเกินที่ธรรมมะบรรยายที่ได้รับฟังจากท่านอาจารย์ได้กล่อมเกลาจิตใจผมให้อ่อนโยน ให้เป็นคนดี ให้เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย และเห็นประโยชน์ของการเจริญกุศลในทุกทาง ได้เข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไร ให้ความเข้าใจความจริงของชีวิตอย่างไร แม้จะเป็นเพียงความเข้าใจขั้นฟังที่ยังเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ผมเห็นแสงสว่างอยู่ปลายอุโมงค์แม้จะอีกไกลแสนไกลเพียงไรก็ตาม

ขออนุโมทนาครับ

กราบอนุโมทนาค่ะ

เป็นเรื่องน่ายินดีด้วยอย่างยิ่ง ที่คุณวรรณีมีโอกาสเจริญกุศลทุกประการ เหมาะสมมากกับตำแหน่ง "นางฟ้าของมูลนิธิฯ" ค่ะ