ประโยชน์สูงสุด คือ ปัญญาความเข้าใจถูก ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่า และ ประเสริฐสุดเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งจะมีได้ด้วยการฟัง ศึกษาพระธรรม ซึ่งการเดินทางไปประเทศศรีลังกาครั้งนี้ ก็ได้มีการสนทนาธรรมทั้งนอกรอบ ระหว่างการเดินทาง แวะพัก ท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านเห็นประโยชน์ของการเกื้อกูลธรรม ไม่ว่า ณ ที่แห่งหนใด กลุ่มย่อย กลุ่มใหญ่ เมื่อมีโอกาส ก็ให้ความเข้าใจถูก ข้าพเจ้าจึงเก็บสาระทั้งหมด เท่าที่จะรวบรวมได้ จากการนำเทปสนทนาธรรมที่ได้สนทนาในสถานที่ต่างๆ กลับมาฟังและ เก็บเป็นสาระดีๆ ให้กับสหายธรรมผู้ที่ได้มาแล้ว และ ผู้ที่ไม่ได้ไป ได้มีโอกาสอ่านและได้เกิดปัญญา ความเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น ตามกำลังของปัญญาและการสะสมของแต่ละคน
ขอนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นบุคคลผู้เลิศประเสริฐสูงสุด และ ทำให้สัตว์โลกเกิด ศรัทธา และ ปัญญา อันเกิดจากการฟังพระธรรม ทำให้เกิดทริปนี้ คือ การเจริญกุศลตามกำลังที่ประเทศศรีลังกา กับ ท่านอาจารย์สุจินต์และสหายธรรม นมัสการพระองค์ ณ สถานที่อันประเสริฐ

ขอกราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่ได้ให้ความเข้าใจถูกกับข้าพเจ้าและกับสหายธรรมและนำคณะชมรมบ้านธัมมะ มศพ.เจริญกุศล เจริญขึ้นของปัญญา และ ขอขอบพระคุณสหายธรรมทั้งหลายได้มีโอกาสเจริญกุศล ณ กาลครั้งหนึ่งร่วมกัน และ ขอขอบพระคุณสหายธรรมทุกท่าน ที่ช่วยเหลือ เป็นมิตร เมตตากันและกัน และที่เดินทางร่วมกันอย่างน้อยก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหนทางที่ถูก และ ได้มีโอกาสเจริญกุศลร่วมกันและเจริญขึ้นของปัญญาร่วมกัน ในสถานที่อันประเสริฐ
@ ชื่อเสียง เกียรติยศ ลาภ สักการะ ไม่สามารถติดตามไปได้เลย แต่ว่าการสะสมกุศลแม้เพียงเล็กน้อย ก็สะสมไปในจิต และ แม้อกุศลก็สะสมไปในจิต แล้วใครจะรู้ว่าแต่ละคนมาจากไหน แต่เพราะบุญที่ได้ทำไว้แต่ปางก่อน ทำให้ได้มีโอกาสฟังพระธรรม และขณะที่เข้าใจพระธรรม ก็เป็นขณะที่ประเสริฐที่สุด
@ คำจริงทั้งหมดไม่ว่าใครจะกล่าว คำจริงนั้นเป็นพระวาจาของพระพุทธเจ้า คำนั้นเรียกว่า วาจาสัจจะ
@ การที่เราจะเป็นคนดีเท่านั้นพอไหม แล้วเราจะพึ่งใคร ใครหละคะที่จะทำให้เราดีขึ้น นอกเสียจากปัญญา ความเข้าใจถูก ที่เกิดจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม
@ ส่วนใหญ่อยากปฏิบัติธรรม ลืมความเข้าใจพระธรรม ถ้าเป็นผู้ที่เห็นถูกแล้ว ก็จะเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรมที่ทำให้เกิดความเข้าใจถูก ไม่ใช่ไปแสวงหาการปฏิบัติธรรม
@ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหมือนหงายของที่คว่ำ เพราะ เข้าใจ เข้าใจแม้คำว่า หงายของที่คว่ำ แสดงว่ามีของที่ถูกคว่ำอยู่ คืออะไรคะ คือ จิต เจตสิกที่เป็นธาตุรู้ คือ กำลังเห็น ไม่ใช่เรา กำลังได้ยินก็ไม่ใช่เรา เกิดขึ้นและดับไป หงายหรือยัง คะ ยังคว่ำอยู่ มีแต่สิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหู แต่ไม่รู้เลย ฟังเข้าใจเมื่อไหร่ คือ เมื่อสภาพธรรมปรากฏตามความเป็นจริง เมื่อนั้นก็หงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด
@ ถ้าฟังแล้วจำ สวดมนต์แล้วไม่รู้อะไรเลย ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ใช่พุทธประสงค์ เพราะ พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อให้สัตว์โลกเกิดปัญญา เข้าใจความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้
@ แค่เขาคิดว่าเขาเป็นกุศล ไม่เบียดเบียนใคร ก็ลืมคิดว่าเป็นเขาที่ดี แท้ที่จริงเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา
@ ไม่ว่าฟังเรื่องอะไร สำคัญที่สุดเลย คือ เข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
@ วงศาคณาญาติ ทรัพย์สิน เงินทอง ไม่ใช่ของเรา เพราะ เกิดคนเดียว ตายคนเดียว และทั้งหมดก็มีแต่ธรรม เพราะฉะนั้นทั้งหมดก็มีเพราะคิดเท่านั้น
@ ทุกคำที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง คือ ที่กำลังมีในขณะนี้ ไม่ใช่อยู่ที่ไหน ไม่ใช่อยู่ในหนังสือ หรือ อะไรเลย ขณะนี้เอง
@ นักมายากล เล่นกลเก่ง แต่ที่เล่นเก่งกว่า คือ แม้นักมายากลก็ไม่มี มีแต่ธรรมในขณะนี้ เพราะฉะนั้น ขณะนี้เห็นสิ่งใด ก็เป็นภาพลวงตาที่ไม่ใช่การรู้ความจริงว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา
@ เข้าใจว่าเราเกิด เข้าใจว่าเราแก่ เข้าใจว่าเราตาย แท้ที่จริงเป็นธรรมแต่ละขณะไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นไม่มีเราเกิด ไม่มีเราตาย แต่เป็นเพียงธรรมเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายเท่านั้น
@ ไม่ต้องกลัวตาย เพราะไม่ได้ต่างจากหลับ และ ขณะที่หลับสนิท เป็นใครอยู่ที่ไหน ไม่มีเลย
@ การจะดับกิเลสถึงความเป็นพระอริยบุคคล ไม่ใช่ด้วยความไม่รู้ ไม่ใช่ด้วยการเชื่อคำของคนอื่นแล้วทำตาม แล้วไม่รู้ ผู้นั้นชื่อว่าไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
@ เราอยู่ในโลกของความไม่รู้ เพราะ ยึดถือว่าเป็นเรา เราเกิด เราสุข เราทุกข์
@ เริ่มเห็นความเป็นอนัตตาไหม ว่าอยากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไปตามความอยาก ความต้องการ แต่ต้องมีเหตุให้เป็นไปตามนั้น เริ่มเบาใจขึ้นบ้างไหม คะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่มีใครทำให้ ทำเองมาแต่ชาติปางก่อน
@ การศึกษาธรรมในหนทางที่ถูก ไม่มีโทษอะไรเลย เพราะทำให้เข้าใจความจริงจากสิ่งที่มีในขณะนี้และจะรู้ว่าตัวเองมีกิเลสได้ก็เพราะศึกษาพระธรรม
@ กิเลสถ้าไม่เกิดขึ้นก็ไม่รู้ เหมือนภูเขาน้ำแข็งใต้มหาสมุทร โผล่เหนือน้ำให้เห็นนิดเดียว อกุศลจึงมีมากลึกมากกว่านั้นอีก
@ รู้จักใครบ้างคะ ในชาติก่อน อาจจะเคยเป็นญาติพี่น้อง เป็นศัตรู เพราะฉะนั้น ชาตินี้ก็จะรู้จักกันอีกไม่นาน เพราะฉะนั้นควรจะมีเมตตา หวังดีต่อกัน และ เวลาที่เหลือน้อยก็ควรสะสมปัญญาความเข้าใจถูก อันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
@ ไม่ใช่เราที่จะทำอะไรได้ เร่งรัดอะไรได้ นอกจากเข้าใจถูกว่าเป็นอนัตตา ตามเหตุปัจจัย
@ สิ่งที่ดี ใครจะรู้ได้นอกจากตัวเอง แม้แต่ความดี ความเสียสละของพระโพธิสัตว์ ผู้รู้คือผู้นั้นเองที่ เสียสละ คนอื่นจะรู้ได้ไหมว่าการกระทำที่เป็นสิ่งที่ดีงาม ที่เป็นประโยชน์กับคนอื่นเกิดจากอะไร
@ พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทั้งหมดทั้งสามปิฎกเนี่ยค่ะ ถ้าได้อ่านเอง ไพเราะอย่างยิ่ง แต่ พระไตรปิฎกไม่ใช่สำหรับอ่านด้วยความไม่รู้ และ ทุกคำสอดคล้องกันทั้งสามปิฎก คือ พูดถึงสิ่งที่มี จริงทั้งหมดโดยนัยต่างๆ แต่ไม่ว่าจะกล่าวเรื่องอะไรก็ไม่พ้นจากสิ่งที่มีจริง
@ อยากเกิดเป็นอะไร เลือกได้ไหม ไม่ได้เลย เพราะ ตามกรรมที่จัดสรรให้เป็นไป ตอนนี้ จะเกิดอะไรต่อไปรู้ได้ไหม ไม่ได้เลย เพราะธรรมเป็นไปทั้งสิ้น
@ พระพุทธเจ้าทรงแสดง เหมือนใบไม้สองสามใบในกำมือ แต่พระปัญญา เหมือนใบไม้ในป่า แต่ใครจะรู้เท่าไหร่ก็ตามกำลังของปัญญา
@ ใช้คำว่า ปรมะ ยิ่งใหญ่ จะมีอะไรที่จะยิ่งใหญ่กว่า ธรรม และ สิ่งที่มีจริงเกิดขึ้นและดับไปสืบต่อกันทุกขณะ ก็เป็นอภิธรรม
@ ปรมะ ธรรม ยิ่งใหญ่ เพราะ ไม่เป็นไปในอำนาจ ดลบันดาลให้สภาพธรรมเกิดหรือไม่เกิดได้ เพราะเกิดตามเหตุปัจจัย และถ้ามีแล้ว เกิดแล้วก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่นกัน จึงชื่อ ปรมะ
@ ทุุกอย่างเป็นปกติ เห็นอะไรก็เห็นอย่างนั้น แต่ค่อยๆ เข้าใจถูกว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา และเห็นอะไร คะ ก็เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏเท่านั้น
@ เดี๋ยวนี้กำลังเฉยๆ หรือเปล่า แต่ไม่รู้เลยว่าเฉยๆ เป็นธรรม
@ เฉยๆ ถ้าคนไม่เข้าใจ ก็คิดว่าดี ลืมว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
@ แต่ละคนก็อ้างพระไตรปิฎก แต่เข้าใจคำในพระไตรปิฎกแค่ไหน และ ถ้าไม่เข้าใจลึกซึ้งและไม่ถูก เผินๆ กล่าวไป ก็เป็นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้า โดยไม่รู้ตัว เพราะเป็นคำพูดที่ค้านกับความจริง
@ ฟังธรรมมานานเท่าไหร่ และ ไม่ได้ฟังมานานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เปรียบเทียบได้ใช่ไหม คะ เพียงฟังแค่นี้เอง กิเลสที่สะสมมามาก อวิชชาสะสมมามาก เพราะฉะนั้นก็ต้องค่อยๆ ฟังต่อไป ความเข้าใจที่ละเล็กละน้อย จะค่อยๆ ละความไม่รู้
@ ปัญญาเป็นความเห็นถูกและความเข้าใจถูก เข้าใจผิดเมื่อไหร่ ก็ไม่ใช่ปัญญา
@ ธรรมเป็นปกติ ถ้าอยู่ตามถนน มีรถ มีคนขวักไขว่ แล้วก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าทุกอย่างเป็นปกติ เป็นธรรม เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้ว่าทุกอย่างเป็นปกติ เป็นอนัตตา
@ ถ้ามีเราเข้าไปเมื่อไหร่ ก็ลืมว่าเป็นอนัตตา ก็เป็นฝั่งของความไม่รู้ เพราะฉะนั้นที่พระองค์ทรงอุปมา ของฝั่งนี้กับฝั่งนู้น ก็เพื่อให้เข้าใจถูกว่า เป็นฝั่งของความรู้หรือความไม่รู้ ซึ่งไกลกันมาก จนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา
@ ฟังธรรมเพื่อเข้าใจว่าไม่ใช่เรา ค่อยๆ ฟังว่าที่กล่าวถูกไหม จริงไหม เพราะ ยังไงก็ต้องจากทุกอย่างแม้แต่ตัวเรา

ขอเชิญติดตาม ...
ประมวลภาพกิจกรรมเจริญกุศล ณ ประเทศศรีลังกา
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (1) เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (2) สนทนาธรรมที่ Dickman Resort
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (3) พบชาวเวียดนาม
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (4) Buddhist cultural centre colombo
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (5) อยู่ด้วยกันด้วยความเป็นมิตร
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (6) กุศลของแต่ละท่านที่ศรีลังกา
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (7) จบสนทนาที่ BBC
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (8) นูวาเอลิย่า เดินทางกับความเข้าใจ
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (9) ณ โคลอมโบ
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (10) นมัสการพระเขี้ยวแก้ว
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (11) ต่อโปลอนนารูว่า
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (12) ปีติอย่างยิ่ง ณ อนุราธปุระ
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (13) สายฝนแห่งศรัทธา นมัสการพระเขี้ยวแก้ว
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (14) เดินทาง ไปยัง MUNNAR
เผยแพร่พระธรรมที่ศรีลังกา (15) สนทนาธรรมบนเรือใหญ่ ALLEPPEY
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ ขอกราบขอบพระคุณ และอนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลที่ได้เกื้อกูลค่ะ
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาในกุศลอย่างยิ่ง
สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาคะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ