สังสาร คือ การมา การไป ทั้งการมาและการไป กาลมรณะ คติ ภพแต่ภพ จุติ อุปบัติ ความบังเกิด ความแตก ชาติ ชรา และมรณะ นี่คือทุกขณะที่เป็นสังสารวัฏฏ์ จากภพหนึ่งชาติหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครทราบว่า ชาติต่อไปจะเกิดที่ไหน และจะต้องวนเวียนไปในสังสารอะไรบ้าง แม้ในขณะนี้ ก็เป็นสังสาร
รับฟัง ...
สังสาร คือ การมา การไป
เรื่องความละเอียดของธรรม ขอกล่าวถึง ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส กัปปมาณวกปัญหานิทเทส ข้อ ๓๖๗ มีข้อความว่า
สังสาร คือ การมา การไป ทั้งการมาและการไป กาลมรณะ คติ ภพแต่ภพ จุติ อุปบัติ ความบังเกิด ความแตก ชาติ ชรา และมรณะ ท่านกล่าวว่า สระ ในอุเทศว่า มชฺเฌ สรสฺมึ ติฏฐตํ ดังนี้
นี่คือทุกขณะที่เป็นสังสารวัฏฏ์ จากภพหนึ่งชาติหนึ่งซึ่งไม่มีใครทราบว่า ชาติต่อไปจะเกิดที่ไหน และจะต้องวนเวียนไปในสังสารอะไรบ้าง แม้ในขณะนี้ ก็เป็นสังสาร
นอกจากนั้น ข้อความใน มโนรถปูรณี อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ ข้อ ๓๐๘ มีคำว่า
วจีสังสาร วาจาอันท่องเที่ยวไป
เป็นอย่างนี้บ้างไหม วจีสังสาร
วาจาอันท่องเที่ยวไป อยู่ด้วยสามารถการด่า และการด่าตอบกันและกัน ในบุคคลทั้งสองฝ่าย
ถ้าจะศึกษาธรรมโดยละเอียดจริงๆ ต้องเข้าใจความหมาย และสิ่งที่สำคัญ กำลังปรากฏในชีวิตประจำวันด้วย
การไป การมา ซึ่งมีอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการไปการมาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทางการคิดนึก คิดนึกเรื่องนั้นไป คิดนึกเรื่องนี้มา ก็เป็นสังสาร วนเวียนท่องเที่ยวไปทั้งนั้น หรือแม้แต่วาจาก็ยังเป็นวจีสังสารได้ เพราะว่า โดยนัยนี้ ชื่อว่าวจีสังสาร คือ การท่องเที่ยวไปของวาจา
นอกจากจะท่องเที่ยวไปของตา ของหู ของจมูก ของลิ้น ของกาย ของใจ ก็ยังมีวจีสังสาร การท่องเที่ยวไปของวาจาด้วย [ตอนที่ 1599]
ถ . สังสารนี้แปลว่า ท่องเที่ยวไป ตามที่เข้าใจกันนึกว่าจะต้องเวียนว่ายตายเกิด คือ ตายแล้วไปเกิดในภพใหม่ แต่ที่อาจารย์บรรยายเมื่อกี้ อรรถและสาระ ที่แท้จริงของสังสาร คือ ขณะนี้ ใช่ไหม เช่น แม้แต่พูดก็เป็นวาจาสังสาร
สุ. การท่องเที่ยวไปของวาจา
ถ . ไม่จำเป็นต้องเดินไปไหนๆ นั่งอยู่เฉยๆ ก็เป็นสังสารแล้ว
สุ. เพราะใจไปตามเรื่องต่างๆ และเป็นปัจจัยให้เกิดวจี คือ วาจาต่างๆ
ถ . ถ้าอาจารย์ไม่ได้อธิบาย อ่านไปก็อย่างนั้น คือ ไม่เข้าใจอรรถ การเข้าใจอรรถในข้อความที่อ่านเป็นเรื่องที่ผมพยายามจริงๆ อย่างอ่านพระสูตรต่างๆ เวลาที่อ่านจบไปแล้วพยายามเข้าใจอรรถของเนื้อความที่อ่าน บางทีก็ไม่เข้าใจ คือ ยังติดอยู่ในบัญญัติ ในศัพท์ ที่จะน้อมไปถึงสภาวธรรมจริงๆ บางทีสติปัญญาก็ไม่เกิดเหมือนกัน
สุ. ถ้าเข้าใจว่า สิ่งที่คิดว่าเป็นชีวิตหรือเป็นโลก ก็คือจิตซึ่งเกิดดับ แต่ละขณะนั่นเอง ก็จะทำให้เข้าใจความหมายของสังสาร คือ การท่องเที่ยววนเวียนทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทั้งในชาตินี้ และในชาติต่อไปด้วย
ถ้าคิดถึงสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า ที่ปรากฏเป็นโลก หรือเป็นชีวิต เป็นสัตว์บุคคลต่างๆ นี้ เพราะจิตเกิดขึ้นเพียงทีละหนึ่งขณะเท่านั้นเอง ไม่มากกว่านั้นเลย เพราะฉะนั้น หนึ่งขณะที่เกิดทางตา และวิถีจิตทั้งหมด และทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายทีละขณะ เป็นสังสาร ภพนี้ก็เป็นอย่างนี้ ภพหน้าก็ไม่ต่างกัน [ตอนที่ 1599]
จากการสนทนาธรรมที่
ห้องประชุมตึกสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๒๙

ภาพจากการสนทนาธรรมที่บ้านมิ่งโมฬี สวนผึ้ง ราชบุรี ๓๐ ต.ค. - ๑ พ.ย. ๒๕๕๕