ทรงแสดงความจริงของเดี๋ยวนี้
โดย เมตตา  3 เม.ย. 2568
หัวข้อหมายเลข 49674

[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 461

๘. อุปกสูตร

พระพุทธองค์ทรงโต้วาทะกับอุปกมัณฑิกาบุตร

[๑๘๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้กรุงราชคฤห์ ครั้งนั้นแล อุปกมัณฑิกาบุตรเข้าไฝเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพเจ้ามีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า ผู้ใดผู้หนึ่งกล่าวติเตียนผู้อื่น ผู้นั้นทั้งหมดย่อมไม่อาจให้กุศลกรรมเกิดขึ้นได้ เมื่อไม่อาจให้กุศลกรรมเกิดขึ้นได้ ย่อมเป็นผู้ถูกครหาติเตียน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอุปกะ ถ้าบุคคลกล่าวติเตียนผู้อื่น เมื่อเขากล่าวติเตียนผู้อื่นอยู่ ย่อมไม่อาจให้กุศลกรรมเกิดขึ้นได้ เมื่อไม่อาจให้กุศลกรรมเกิดขึ้นได้ ย่อมเป็นผู้ถูกครหาติเตียนไซร้ ดูก่อนอุปกะ ท่านนั่นแหละกล่าวติเตียนผู้อื่นย่อม ไม่อาจให้กุศลกรรมเกิดขึ้นได้ เมื่อไม่อาจให้กุศลกรรมเกิดขึ้นได้ ย่อมเป็นผู้ถูกครหาติเตียน.

อุป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลพึงจับปลาที่พอผุดขึ้นเท่านั้น ด้วยแหใหญ่ แม้ฉันใด ข้าพระองค์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน พอเอ่ยขึ้นเท่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงจับด้วยบ่วงคือวาทะอันใหญ่.

พ. ดูก่อนอุปกะ เราบัญญัติแล้วว่า นี้เป็นอกุศลแล บท พยัญชนะ ธรรมเทศนาของตถาคตในข้อนั้น หาประมาณมิได้ว่า นี้เป็นอกุศลแม้เพราะเหตุนี้ อนึ่ง เราบัญญัติว่า อกุศลนี้นั้นแล ควรละเสีย บท พยัญชนะ ธรรมเทศนา ของตถาคตในข้อนั้น หาประมาณมิได้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ อกุศลนี้ควรละเสีย


อ.วิชัย: ท่านอาจารย์ครับ อย่างที่ทรงแสดงแก่ อุปกะว่า เราบัญญัติแล้วว่า นี้เป็นอกุศลแล ...

ท่านอาจารย์: แค่นี้ค่ะ แค่นี้หมายความว่า รู้จักอกุศลหรือ? เห็นไหม

อ.วิชัย: อ่านแค่นี้ยังไม่รู้จักครับ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบแน่นอนว่า นี่เป็นอกุศล

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ถ้าเราได้ฟัง แล้วเราเป็นคนที่เข้าใจคำในภาษาบาลี กุศละ อกุศละ หมายความว่าอะไร อกุศล?

อ.วิชัย: อกุศล หมายถึงธรรมที่เป็นโทษครับ แล้วก็ให้ผลเป็นทุกข์ด้วยครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น อ่านอีกครั้งประโยคนี้ ซ้ำไปซ้ำมา

อ.วิชัย: ครับ ดูก่อน อุปกะ เราบัญญัติแล้วว่า นี้เป็นอกุศลแล

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะรู้ไหม นี้ ที่เป็นอกุศลนั้นคืออะไร?

อ.วิชัย: ถ้าไม่ฟังย่อมไม่รู้จักแน่นอนครับ

ท่านอาจารย์: เห็นไหม แค่ประโยคเดียวข้ามไปได้ไหม?

อ.วิชัย: แต่โดยมากจะข้ามไปเสมอครับ และก็คิดเองด้วยที่จะไม่ละเอียดครับ

ท่านอาจารย์: ถ้าเป็นอย่างนี้ไปทุกชาติ ก็ไม่ได้มีความเข้าใจ เพียงแต่จำคำ แล้วเข้าใจความหมายของคำเท่านั้น

เพราะฉะนั้น กว่าจะซาบซึ้งไพเราะอย่างยิ่ง ก็ต้องเป็นขณะที่สามารถที่จะรู้ว่า เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของเดี๋ยวนี้ เราบัญญัติแล้ว ใช่ไหม?

อ.วิชัย: ครับ นี้ เป็นอกุศลครับ

ท่านอาจารย์: นี้ ที่ว่านี่อะไร นี้ เราบัญญัติแล้วว่า นี้ เพราะฉะนั้น นี้ คืออะไร?

อ.วิชัย: นี้ คือเดี๋ยวนี้ครับ ที่เป็นอกุศลที่เกิดขึ้นครับ

ท่านอาจารย์: นั่นซิ เดี๋ยวนี้อกุศลอะไร เห็นไหม ผ่านไม่ได้เลย

ลองคิดไตร่ตรองก็ได้ เราบัญญัติแล้วว่า นี้ นี้ เป็นอกุศล และ นี้ เดี๋ยวนี้คืออะไร

อ.วิชัย: ลึกซึ้งครับท่านอาจารย์ครับ บางครั้งที่ท่านอาจารย์ให้ไตร่ตรอง เหมือนกับว่า ให้เหมือนกับกล่าวให้ได้คิดได้ไตร่ตรอง แต่ว่าความคิดก็ไม่ได้เห็นความละเอียดครับ

อย่างที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า ถ้าไม่มีความเข้าใจ ก็เพียงศึกษาแล้วก็จำคำ แล้วก็ความหมายของคำเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้หยั่งลงไปที่จะรู้ในความเป็นอกุศล นี้ ที่เกิดขึ้น อย่างที่ท่านอาจารย์ถามผมในช่วงแรกว่า เดี๋ยวนี้ มีอกุศลไหม? ก็เพียงการคิด แล้วก็พิจารณา แล้วก็ไม่ได้รู้จักความเป็นอกุศลจริงๆ แต่ตอบท่านอาจารย์ว่า มี เพราะว่าตามความเข้าใจว่า ต้องมีแน่นอนครับ เพราะว่าความรวดเร็วของอกุศลที่จะเกิดขึ้นตามการสะสมนี่ย่อมมีแน่นอน แต่ว่าไม่ได้ปรากฏความเป็นอกุศลที่เกิดขึ้นที่จะรู้จริงๆ ครับ จึงไม่ นี้ เป็นอกุศล

ท่านอาจารย์: ฟังอย่างนี้แล้ว เริ่มเป็นผู้ตรงใช่ไหม?

อ.วิชัย: ครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: ไม่อย่างนั้นก็คิดว่า ใครๆ ก็เข้าใจ แต่ว่า ความเป็นผู้ตรง คือต้องเป็นความละเอียดอย่างยิ่งว่า นี่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เพราะฉะนั้น แต่ละคำของพระองค์ ใครอย่าได้คิดเลยว่า จะสามารถเข้าใจในความลึกซึ้งตามที่พระองค์ได้ทรงประจักษ์แจ้งด้วยพระองค์เองที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

เพราะฉะนั้น ความเข้าใจความลึกซึ้งนี้ ถ้าขาดการไตร่ตรอง มีไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมต้องรู้ความจริงว่า กำลังศึกษาสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมี และได้ทรงประจักษ์แจ้งความลึกซึ้ง

เพราะฉะนั้น ทุกคำ ต้องลึกซึ้ง เพราะเหตุว่า กว่าจะประจักษ์ความลึกซึ้งของทุกสิ่ง ต้องบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่

เพราะฉะนั้น เราฟังเผินไม่ได้เลย ถ้าฟังเผิน คือไม่ได้รับประโยชน์ แต่ถ้าเป็นผู้ตรงต่อธรรม กำลังเริ่มเป็นบารมี เป็นผู้ที่ขณะนั้นสามารถเข้าถึงความจริงว่า ไม่รู้แค่ไหน และธรรมลึกซึ้งแค่ไหน นี่เป็นเบื้องต้นของการที่จะเพิ่มความเข้าใจในความลึกซึ้ง เป็นบารมีต่อๆ ไป

อ.วิชัย: ท่านอาจารย์ก็กล่าวเตือนเสมอ ที่จะเริ่มตั้งแต่เป็นผู้ตรง ที่จะว่าการศึกษานี่ เป็นความรู้ความเข้าใจระดับไหน และสิ่งที่ยังไม่รู้ก็ยังมีอีกมากครับท่านอาจารย์ที่จะเตือนเสมอครับ

ท่านอาจารย์: เราจะผ่านประโยคนี้ไปไหม หรือว่าไตร่ตรองอีก

อ.วิชัย: ครับท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์: เห็นไหม ประโยชน์มหาศาลจากการที่จะตรงต่อความจริง แต่ เพราะไม่รู้ ความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เหนือบุคคลใดในสากลจักรวาลในแสนๆ กัปป์ คิดดู!! แล้วพระองค์ตรัสรู้ความจริง และทรงแสดงความจริง แล้วเราอยู่ในสมัยที่ คำ ที่พระองค์ตรัสยังมีอยู่ให้ศึกษา เป็นลาภอันประเสริฐที่สุดในสังสารวัฏฏ์ ที่จะสะสมความเข้าใจถูกซึ่งยากที่จะมีโอกาสได้ฟังแต่ละชาติในสังสารวัฏฏ์ ที่จะเป็นผู้ตรงขึ้นๆ ต่อความจริง มิเช่นนั้นแล้วใครจัรู้ว่า นี่เป็นคำสอนของผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้

ทุกคำ ที่ตรัสลึกซึ้งอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าเพียงอ่านแล้วสามารถที่จะเข้าใจได้ง่ายๆ คิดว่าให้ทำโน่นทำนี่ ไม่ใช่เลย แต่ความเข้าใจความลึกซึ้งแต่ละคำ

เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ เริ่มพิจารณา คำ ที่พระองค์ตรัสเพียงเท่านี้ก่อน พูดอีกทีก็ได้ ดูซิว่าใครมีความเห็นอย่างไร เห็นความลึกซึ้งแค่ไหน ไม่ต้องไปไหนไกล แค่นี้ค่ะ

อ.วิชัย: ครับ ขออนุญาติกล่าวข้อความที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอีกครั้งครับ

ดูก่อน อุปกะ เราบัญญัติแล้วว่า นี้ เป็นอกุศลแล แล้วก็ บท พยัญชนะ ธรรมเทศนาของตถาคตในข้อนั้น หาประมาณมิได้ว่า นี้ เป็นอกุศล แม้เพราะเหตุนี้ แสดงว่าต้องอาศัยคำอีกมากใช่ไหมครับท่านอาจารย์ ที่พระองค์ตรัสว่า ธรรมเทศนาของพระองค์ทั้งหมด บท พยัญชนะ หาประมาณไม่ได้ที่จะให้รู้ว่า นี้ เป็นอกุศลครับ

ท่านอาจารย์: ประมาณไม่ได้ เพราะลึกซึ้ง เห็นไหม?

อ.วิชัย: กล่าวสักเท่าไหร่ก็ยากที่จะเข้าใจจริงๆ ครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ชาตินี้เป็นชาติที่ตรง เป็นสัจจบารมี ปัญหาทุกปัญหาแก้ไม่ได้ ถ้าไม่รู้ความจริง แต่ถ้ารู้ความจริง แก้ได้ เพราะรู้ว่าอะไรเป็นเหตุที่จะให้เกิดปัญหานั้นๆ

เพราะฉะนั้น ทุกอย่างละเอียดมาก เป็นบุญที่ได้ฟังข้อความที่ทำให้ไตร่ตรอง ให้รู้ความจริงว่า ความจริงลึกซึ้งอย่างยิ่ง เพราะมีทุกวัน ปรากฏจริงๆ ก็ไม่สามารถจะรู้ได้ เพราะฉะนั้น ประโยคต่อไป เห็นไหม ทรงแสดงหาประมาณไม่ได้ ในความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ

อ.วิชัย: ยิ่งพิจารณายิ่งไพเราะครับ คือเห็นความไพเราะเมื่อมีความเข้าใจขึ้นบ้างเล็กๆ น้อยๆ ว่า การศึกษาจะขาดที่พึ่ง คือรัตนะทั้ง ๓ โดยเฉพาะ ธรรมรัตนะที่พระองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ที่จะอุปการะเกื้อกูลอย่างยิ่งที่จะให้เข้าใจ แม้ในความเป็นอกุศลที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ก็ต้องอาศัยคำเป็นอันมาก ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การสนทนา เพื่อให้เกิดความเข้าใจในความเป็นอกุศลที่เกิดแล้วครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น คำเป็นอันมาก ก็ต้องเข้าใจ คำ ที่ได้ฟัง ใช่ไหม? ทุกคำ เป็นอันมากตรัสไว้มากมายใน ๔๕ พรรษา คำเป็นอันมาก แต่ว่า การที่จะเข้าใจ คำเป็นอันมากจริงๆ ต้องเข้าใจ แต่ละคำ ซึ่งกล่าวถึงธรรมแต่ละอย่าง

แม้แต่เพียงว่า ขณะนี้เป็นอกุศล หาซิ นี้ อะไร?

อ.วิชัย: ยังไม่รู้ครับท่านอาจารย์ ยังไม่รู้ แต่คิดเป็นเรื่องของอกุศลทั้งนั้นเลยครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น คำตอบอยู่ที่ ยังไม่รู้ เห็นไหม ตอบแล้ว รู้ไหมนั่นแหละเป็นคำตอบ นี้เป็นอกุศลที่ไม่รู้

อ.วิชัย: อ้อ.. อยู่ตรงความไม่รู้นี้ด้วย คิดไม่ถึง

ท่านอาจารย์: แน่นอนที่สุด แม้แต่คำตอบ ยังตอบว่า เพราะไม่รู้ เห็นไหม? แต่ความเข้าใจว่า สิ่งที่มีนี่ นี้เป็นอกุศล ก็คือความไม่รู้

อ.วิชัย: ละเอียดมากครับ ก็กราบเท้าท่านอาจารย์จริงๆ ที่กล่าวให้ได้พิจารณาครับ เพราะว่า ถ้าไม่มีความกรุณาที่ท่านอาจารย์ได้กล่าว และได้สนทนา ความลึกซึ้งของธรรมนี่ยากที่จะรู้ได้จริงๆ ครับ ก็ละเอียดโดยลำดับจริงๆ ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ไม่ผ่านสักคำเดียวว่า ความไม่รู้มหาศาล หาประมาณไม่ได้แค่ไหน ไม่รู้ทุกอย่าง ไม่รู้ไปหมด ไม่รู้ตั้งแต่ผิวจนกระทั่งลึกลงไปที่ละเอียดอย่างยิ่ง หาประมาณไม่ได้ นี่ล่ะเป็นที่พึ่ง ความเข้าใจอันนี้เป็นสัจจะ เริ่มตรงต่อความเป็นจริงที่ไพเราะในความลึกซึ้ง ที่กว่าจะรู้ได้ ต้องอาศัยใคร พระองค์เดียว พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะได้ตรัสรู้ความจริง แล้วทรงแสดงความจริงให้คนอื่นได้เริ่มเข้าใจด้วย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ