เรื่องระหว่างทุติยตติยสังคายนา
โดย Guest  25 พ.ค. 2553
หัวข้อหมายเลข 16327

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ ๖๘

เรื่องระหว่างทุติยตติยสังคายนา

พระเถระทั้งหลายเหล่านั้น ครั้นสังคายนาทุติยสังคีตินี้ อย่างนั้นแล้วจึงตรวจดูว่า แม้ในอนาคตเสนียด (เสี้ยนหนาม) เห็นปานนี้ จักเกิดขั้นแก่พระศาสนาหรือหนอแล แล้วได้เห็นเหตุนี้ว่า

ในปีที่ ๑๘ ต่อจาก ๑๐๐ ปีแต่ปีนี้ไป พระราชาทรงพระนามว่า พระเจ้าธรรมาโศก จะทรงอุบัติขึ้นในพระนครปาฏลีบุตร ครอบครองราชสมบัติ ในชมพูทวีป ทั้งสิ้น ท้าวเธอจักทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา แล้วจักยังลาภและสักการะเป็นอันมากให้เป็นไปในครั้งนั้น พวกเดียรถีย์ผู้ปรารถนาลาภและสักการะ จักบวชในพระศาสนาแล้วแสดงทิฏฐิของตน เสนียดใหญ่จักเกิดขึ้นในพระศาสนา ด้วยอาการอย่างนี้ [ติสสมหาพรหมจักแก้ความเสื่อมพระศาสนาในอนาคต]

ครั้งนั้นพระเถระเหล่านั้นได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า เมื่อเสนียดนั่นเกิดขึ้นแล้วพวกเราจักทันเห็นหรือไม่หนอ ลำดับนั้นพระเถระทั้งหมดนั่นแล ทราบความที่ตนเป็นผู้ไม่ทันเห็น (เหตุการณ์) ในเวลานั้น จึงคิดว่าใครเล่าหนอ จักเป็นผู้สามารถให้อธิกรณ์นั้น ระงับได้ แล้วได้ตรวจดูมนุษยโลกและเทวโลกชั้นกามาวจรทั้งสิ้น ก็มิได้เห็นใครๆ ได้เห็นแต่ท้าวมหาพรหมชื่อติสสะในพรหมโลก ผู้มีอายุยังเหลือน้อยได้อบรมมรรคเพื่อบังเกิดในพรหมโลกชั้นสูงขึ้นไป พระเถระทั้งหลายเหล่านั้น ครั้นเห็นแล้วจึงได้มีความดำริดังนี้ว่า

ถ้าพวกเราพึงทำความอุตสาหะ เพื่อต้องการให้พรหมนั่นเกิดในมนุษยโลกไซร้ พรหมนั่นก็จักถือปฏิสนธิในเรือนของโมคคลีพราหมณ์แน่นอน และต่อจากนั้นก็จักถูกเล้าโลมด้วยมนต์แล้วออกบวช ครั้นติสสทารกนั้นบวชแล้วอย่างนี้ เล่าเรียนพระพุทธพจน์ทั้งสิ้นเป็นผู้ได้บรรลุปฏิสัมภิทา จักย่ำยีพวกเดียรถีย์ วินิจฉัยอธิกรณ์นั้นแล้ว เชิดชูพระศาสนา

พวกพระเถระไปเชิญติสสมหาพรหมให้มาเกิดในมนุษยโลก

พระเถระเหล่านั้นไปยังพรหมโลก แล้วได้กล่าวคำนี้กะท้าวติสสมหาพรหมว่า ดูก่อนสหายผู้นิรทุกข์! ในปีที่ ๑๘ ถัดจาก ๑๐๐ ปี แต่นี้ไป เสนียดอย่างใหญ่จักเกิดขึ้นในพระศาสนา, และพวกเราได้ตรวจดูมนุษยโลกและเทวโลกชั้นฉกามาวจรทั้งสิ้น ก็มิได้เห็นใครๆ ผู้สามารถ เพื่อจะเชิดชูพระศาสนาได้ ค้นดูตลอดพรหมโลกจึงได้พบท่านผู้เจริญ, ดังพวกข้าพเจ้าขอโอกาส ท่านสัตบุรุษ! ขอท่านจงให้ปฏิญญา (แก่พวกข้าพเจ้า) เพื่อเกิดในมนุษยโลก แล้วเชิดชูพระศาสนาของพระทศพลเถิด. [ติสสมหาพรหมรบปฏิญญามาเกิดในมนุษยโลก] เมื่อพระเถระทั้งหลาย กล่าวเชิญอย่างนั้นแล้ว ท้าวมหาพรหมจึงดำริว่าได้ยินว่า เราจักเป็นผู้สามารถเพื่อชำระเสนียด ซึ่งจะเกิดขึ้นในพระศาสนาแล้วเชิดชูพระศาสนา ดังนี้ แล้วเป็นผู้หรรษาร่าเริงบันเทิงใจ ได้ให้ปฏิญญารับว่า ดีละ. พระเถระทั้งหลายพิจารณากิจที่ควรทำนั้นในพรหมโลกเสร็จแล้วก็พากันกลับมาอีก. [พวกพระเถระลงทัณฑกรรมแก่พระสิคควะและพระจัณฑวัชชี]

ก็โดยสมัยนั้นแล พระเถระทั้ง ๒ รูปคือ พระสิคควเถระ และพระจัณฑวัชชีเถระ ยังเป็นพระนวกะอยู่ พระเถระเหล่านั้น เป็นภิกษุหนุ่มทรงพระไตรปิฎก บรรลุปฏิสัมภิทา สิ้นอาสวะแล้ว เป็นสัทธิวิหาริกของ พระโสณกะ. พระเถระทั้ง ๒ รูป ไม่ได้มาร่วมระงับอธิการณ์นั้น. พระเถระทั้งหลาย จึงกล่าวว่า ดูก่อนอาวุโส พวกท่านหาได้เป็นผู้ร่วมคิดของพวกเราในอธิกรณ์นี้ไม่ เพราะเหตุนั้น ทัณฑกรรมนี้จงมีแก่พวกท่าน คือ ท้าวมหาพรหมชื่อติสสะ จักถือปฏิสนธิในเรือนของ โมคคลีพราหมณ์ บรรดาท่าน ทั้งสอง รูปหนึ่งจง ชักนำ ท้าวติสสมหาพรหมนั้นมาบวช รูปหนึ่งจงให้เรียนพระพุทธพจน์ ดังนี้


ที่มา ...

เรื่องระหว่างทุติยตติยสังคายนา



ความคิดเห็น 2    โดย nopwong  วันที่ 3 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 3    โดย Chalee  วันที่ 4 ธ.ค. 2555

ขออนุโมทนา สาธุเป็นบุญที่ได้อ่าน


ความคิดเห็น 4    โดย tom.tang.tak  วันที่ 15 ม.ค. 2565

อนุโมทนาสาธุค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย chatchai.k  วันที่ 15 ม.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ