ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๑

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงว่า ทั้งหมดที่มี ไม่ใช่เรา แล้วเมื่อไหร่จะรู้อย่างนั้นโดยละเอียดอย่างยิ่งในขณะนี้ตามปกติ เพราะว่าทรงแสดงหนทางที่จะทำให้ละความไม่รู้แล้วก็สามารถที่จะเข้าใจความจริงจนสามารถที่จะดับความเห็นผิดที่เคยยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่เกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์
~ แต่ละคนที่กล่าวคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นผู้ที่รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงกล่าวคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและกล่าวคำที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว ก็เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ซึ่งจะทำให้หลายๆ คนได้พ้นจากการที่จะสะสมความเห็นผิดต่อไปซึ่งไม่ใช่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว
~ ถ้าขณะไหนไม่ได้ทำสิ่งที่ดี ขณะนั้นอกุศลก็เกิดแล้วมาก เพราะฉะนั้น ทางเดียวที่จะให้อกุศลเกิดน้อยลง ก็คือ ทำดี เข้าใจธรรม โดยที่ไม่หวัง
~ ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง ธรรมฝ่ายไม่ดี ก็จริง ธรรมฝ่ายดี ก็จริง เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้ยินได้ฟังแล้วมีความเข้าใจขึ้น ค่อยๆ เห็นตามว่าความจริงเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ให้ไปทำอะไร แต่ให้รู้ตามเห็นตามว่าความจริงเป็นอย่างนี้ แล้วถ้ารู้มากขึ้นเข้าใจมากขึ้น ความไม่รู้ก็ต้องค่อยๆ ลดน้อยลง เมื่อความไม่รู้ลดน้อยลง ความติดข้องก็น้อยลงด้วย และกิเลสอื่นๆ ก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไป
~ สิ่งที่เกิด ต้องเกิดเพราะเหตุปัจจัย ถ้าไม่มีเหตุปัจจัย ก็เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้น มีความมั่นคงแค่ไหนที่จะไม่เดือดร้อนกับทุกเหตุการณ์ซึ่งเกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย ใครจะไปทำอะไรได้ เพราะฉะนั้น คำสอนทั้งหมดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทำให้แช่มชื่น พ้นจากความเดือดร้อนได้
~ จะโกรธคนที่เขาไม่รู้เข้าใจผิดแล้วทำสิ่งที่ผิดไหม? คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยให้โทษใดๆ เลยทั้งสิ้น ขณะที่โกรธ ใครไม่ดี? เห็นไหม ลืมสนิท เขาไม่ดี ว่าเขาได้ต่างๆ นานา บางทีก็ทั้งวันเลย ดูโทรทัศน์ก็นั่งว่าไป ได้ยินอะไรก็นั่งว่าไป เห็นอะไรก็นั่งว่าไป แล้วขณะนั้นเขาทั้งนั้นที่ไม่ดี แต่ตัวเองที่กำลังคิดอย่างนั้น ดีหรือเปล่า?
~ ความเข้าใจถูกต้องจะนำมาซึ่งคุณความดีทั้งหลาย ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยคิดถึงประโยชน์ของความเมตตา ก็อภัยให้ได้ในความไม่ดีในการกระทำต่างๆ ของคนอื่น เป็นขยะที่เราจะมาเก็บไว้ทำไม ชีวิตมีค่า ขณะต่อไปเป็นประโยชน์กว่าถ้าเราได้ทำสิ่งที่ดีซึ่งเป็นการขัดเกลากิเลสทุกประการด้วย เพราะฉะนั้น ธรรมก็เป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง และธรรมก็เป็นประโยชน์กับทุกคนที่เขาสามารถจะเข้าใจได้
~ ขยะคืออกุศล ควรทิ้งหรือควรเก็บ? เป็นประโยชน์ตรงไหน? เวลาที่เสียไปเพราะอกุศล สามารถที่จะเป็นกุศลได้ เข้าใจธรรมขึ้นก็ได้ อภัยคนอื่นก็ได้ ไม่สนใจในความไม่ดีของเขาก็ได้ ใช่ไหม? เพราะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ขณะนั้นไม่พลอยเป็นอกุศลไปกับคนที่เรากำลังว่าเขาเป็นอกุศล
~ ทำไมจึงสนทนาธรรม? เพราะปัญญาเห็นประโยชน์เหนือสิ่งใดทั้งสิ้น เมื่อรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำสอนของพระองค์ควรจะดำรงต่อไป เพื่อสัตว์โลกทั้งหลายที่ได้สะสมมาที่จะเข้าใจถูก ถ้าไม่ได้ฟัง ความเข้าใจก็เหมือนเดิม เท่าเดิมไม่เพิ่มขึ้น แต่ถ้ามีความเข้าใจเพิ่มขึ้น นั่นแหละเป็นบารมีที่ทำให้ไม่ละเว้นการที่จะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์
~ ฟังธรรม ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น ต้องละความเป็นเรา ใช่ไหม ด้วยการกระทำทุกอย่างที่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง เพียงแค่อภัย ไม่เก็บขยะคืออกุศล ก็ประเสริฐแล้วจากสิ่งที่มีค่าขึ้นในชีวิตแต่ละขณะ
~ กว่าจะเข้าใจจนสามารถละคลายอกุศลเดิมๆ ที่เคยสะสมมามาก ต้องเป็นการเข้าใจธรรมจริงๆ ด้วยการเห็นประโยชน์ว่าผู้ที่สามารถดับอกุศลได้ต้องด้วยปัญญาที่เริ่มจากการเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เพราะฉะนั้น เราจะไม่คิดหวังถึงอนาคตว่าอะไรจะเกิดขึ้น อะไรก็เกิดได้ทั้งนั้น ทั้งหมดตามเหตุตามปัจจัย แต่ขณะนี้ปัญญาสามารถเริ่มเข้าใจธรรมะที่กำลังปรากฏว่า เป็นธรรมะหรือยัง นี่เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด
~ สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตก็คือความเห็นถูก เพราะเหตุว่าเวลาที่ฟังพระธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้บอกให้เชื่อแน่นอน แต่แสดงความจริงของสิ่งที่มีที่กำลังปรากฏที่ทุกคนสามารถที่จะพิจารณาว่าเป็นจริงอย่างที่ทรงแสดงหรือไม่ เมื่อพิจารณาแล้วความเข้าใจถูกต้องก็เกิดขึ้น และก็สามารถรู้ว่าผู้ที่แสดงความจริงนี้คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ถ้ามีความเข้าใจถูกขึ้นมีความมั่นคงขึ้นและสามารถช่วยให้คนอื่นเข้าใจว่าพระธรรมสำหรับทุกกาล ทุกบุคคล ทุกเหตุการณ์ ก็จะทำให้แต่ละคนมีชีวิตอยู่ในความถูกต้อง ในทางที่เป็นประโยชน์ยิ่งขึ้น
~ ทุกคนต้องจากโลกนี้ไปแน่นอน ไม่มีใครรู้เลยว่าเมื่อไหร่ขณะไหน แต่ว่าก่อนที่จะจากไปเข้าใจอะไรบ้างหรือเปล่า หรือมีแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง พฤติกรรมที่เกิดเพราะความเห็นแก่ตัวต่างๆ ไม่คิดถึงคนอื่น ไม่คิดถึงความเดือดร้อน ไม่คิดถึงความไม่ดีซึ่งเมื่อทําสิ่งที่ไม่ดี ผลที่ได้รับที่จะเกิดต่อไป ต้องไม่ดี
~ ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพในจุดประสงค์ที่แท้จริง คือ เพื่อละความไม่รู้มากมายมหาศาล ขณะนั้นเป็นการเริ่มขัดเกลา มิฉะนั้น จะเอาอะไรขัดเกลาความไม่รู้ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความประพฤติทั้งหลายที่ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์
~ ความไม่รู้มหาศาล ความไม่ดีต่างๆ มหาศาล มีมากมาย ที่ปรากฏนี้ยังน้อยกว่าที่มี เพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ปรากฏเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย แต่ความจริง สิ่งที่ไม่ดีมีมากมายกว่านั้นมาก
~ ทำดีต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ ให้ผู้อื่นได้มีโอกาสได้เข้าใจคำของพระองค์ด้วย
~ ไม่ตระหนี่ธรรม คือ ให้ผู้อื่นได้เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น เพราะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง จะเก็บไว้ทำไมคนเดียว
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพร่ำสอน ๔๕ พรรษา และพร่ำสอนตลอดไป เพราะคำนั้นยังมีอยู่ สภาพธรรมก็เป็นจริงตามที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นเลย
~ ความดี ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๕๐ 

... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...
แจ้งยิ่ง ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ทำดี เข้าใจธรรม โดยไม่หวัง อนุโมทนาค่ะ
ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา