ปาราชิกโปรดเมตตาตอบด้วยคับ
โดย Kangromio  1 ต.ค. 2555
หัวข้อหมายเลข 21817

สมัยเป็นภิกษุผมเคยคุยโทรศัพท์กับคนรู้จักแบบว่าหยอกล้อเล่นกันไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นผมบอกเขาว่า "เขามีผิวอย่างไร รูปร่างอย่างไร ผมของเขาเป็นอย่างไร" (ได้ถูกหมดเพราะผมมีรูปของเขา) แต่ผมกลับบอกเขาไปว่า ผมฟังจากเสียงของเขาจึงรู้ แต่ในระหว่างการสนทนา ก่อนวางหูโทรศัพท์ผมก็บอกความจริงว่าผมมีรูปของเขาจึงรู้

๑. ขอถามว่าผมจะต้องอาบัติปาราชิกข้อ อวดอุตริมนุษยธรรมไหมครับ

๒. ตอนนี้ผมสึกแล้วแต่ถ้าปาราชิกผมจะสามารถปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงระดับฌาน หรือพระอริยบุคคลชั้นใดได้บ้าง

๓. ปาราชิกหรือสังฆาทิเสสต้องห้าม มรรคผล นิพพานไหมคับ แล้วต้องห้ามกี่ชาติครับ

๔. ปาราชิกกลับไปบวชเณรได้ไหมครับ

๕. ผลของปาราชิกจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสไหมครับ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 1 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากคำถามที่ว่าสมัยเป็นภิกษุ ผมเคยคุยโทรศัพท์กับคนรู้จักแบบว่าหยอกล้อเล่นกัน ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น ผมบอกเขาว่า "เขามีผิวอย่างไร รูปร่างอย่างไร ผมของเขาเป็นอย่างไร" (ได้ถูกหมดเพราะผมมีรูปของเขา) แต่ผมกลับบอกเขาไปว่า ผมฟังจากเสียงของเขาจึงรู้ แต่ในระหว่างการสนทนา ก่อนวางหูโทรศัพท์ผมก็บอกความจริงว่าผมมีรูปของเขา จึงรู้

๑. ขอถามว่าผมจะต้องอาบัติปาราชิก ข้อ อวดอุตริมนุษยธรรมไหมครับ

- ก่อนอื่นก็เข้าใจ คำว่า อวดอุตริมนุสธรรม ว่าคืออะไรก่อนครับ

อวดอุตริมนุสธรรม หมายความว่า อวดคุณที่เหนือมนุษย์ (ฌาน การบรรลุธรรม) อันไม่มีอยู่ อันไม่เป็นจริง เช่น อวดว่าตนเองได้ฌาน วิโมกข์ สมาบัติ ได้เป็นพระอริยเจ้าขั้นต่างๆ จะเห็นนะครับว่า อวดอุตริมนุสธรรม นั้น มีเจตนา กล่าวคำที่ไม่จริง ทั้งๆ ที่รู้อยู่ ว่าตนไม่มีคุณธรรมนั้น แต่ก็กล่าวว่าตนเองมีคุณธรรมนั้น ด้วยการพูดโดยลักษณะต่างๆ ดังนั้นในกรณีนี้ ไม่เป็นอาบัติ ปาราชิก เพราะ ไม่ได้เจตนากล่าวคำไม่จริง ในเรื่องคุณธรรมเป็นสำคัญ ครับ และ ไม่ได้เจตนากล่าวโดยตรงถึงในคำไม่จริงในเรื่องคุณธรรม จึงไม่ต้องอาบัติปาราชิก ครับ

๒. ตอนนี้ผมสึกแล้วแต่ถ้าปาราชิกผมจะสามารถปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงระดับฌาน หรือพระอริยะบุคคลชั้นใดได้บ้าง

- สามารถได้ฌานและบรรลุเป็นพระอริยบุคคลได้ เพราะ อาบัติปราชิกไม่ได้เป็นเครื่องกั้นแล้ว เพราะอยู่ในเพศคฤหัสถ์ ครับ

๓. ปาราชิกหรือสังฆาทิเสสต้องห้าม มรรคผล นิพพานไหมคับ แล้วต้องห้ามกี่ชาติครับ

- อาบัติที่ยังไม่ได้ปลง หรือ ต้องอาบัตปาราชิก ห้ามสวรรค์ มรรคผล นิพพานในขณะที่เป็นพระภิกษุ หรือ ยังไม่ได้สึก แต่ถ้าสึกแล้ว ไม่ได้ห้ามสวรรค์ มรรคผล นิพพานในขณะที่เพศคฤหัสถ์ ส่วนเมื่อพ้นจากชาตินี้ไป ก็ไม่มีอาบัติติดตัว ก็ไม่ห้าม สวรรค์ มรรค ผล นิพพาน ครับ

๔. ปาราชิกกลับไปบวชเณรได้ไหมครับ

- บวชได้ ครับ

๕. ผลของปาราชิกจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสไหมครับ

- ไม่เป็นครับ ถ้าหากดำเนินหนทางการอบรมปัญญาที่ถูกต้อง ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา


ความคิดเห็น 2    โดย Kangromio  วันที่ 2 ต.ค. 2555

ขอบพระคุณมากครับ ที่เมตตาตอบคำถาม


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 2 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำคัญที่สุด คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แล้วน้อมประพฤติในสิ่งที่พระองค์ทรงอนุญาต และไม่ประพฤติในสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม ความเดือดร้อนใจในภายหลังที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะไม่ได้คล้อยตามพระพุทธพจน์ ถ้าได้สำรวมตามสิกขาบทต่างๆ ที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ การต้องอาบัติน้อยใหญ่ ก็จะไม่เกิดขึ้น ก็จะไม่เป็นเหตุให้เดือดร้อนใจในภายหลัง

ถ้าไม่เห็นประโยชน์ของการบวชว่า บวชเพื่ออะไร ก็จะทำให้ละเลยถึงกิจที่ตนเองควรทำให้สมกับเพศที่สูงยิ่งกว่าคฤหัสถ์ คือ ละเลยในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ให้เข้าใจ เมื่อไม่เข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะไม่สามารถรู้ได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด การประพฤติปฏิบัติก็ย่อมจะผิดไปด้วย ทำให้มีความย่อหย่อนในพระธรรมวินัย ต้องอาบัติด้วยความไม่ละอาย โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าเป็นโทษเป็นภัยอย่างไร เป็นไปตามการสะสมของแต่ละคนแต่ละท่านจริงๆ ตามความเป็นจริงแล้ว ความเป็นบรรพชิตเป็นเพศที่สูงยิ่ง ถ้ารักษาไม่ดี ก็ย่อมมีแต่จะทำให้เกิดโทษแก่ตนเองโดยส่วนเดียว คร่าไปสู่อบายภูมิได้เลยทีเดียว ถ้าเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์สูงสุดของการบวช ก็จะเป็นผู้ศึกษาพระธรรมและน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมด้วยความจริงใจ เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง เป็นสำคัญ

แต่ถ้าได้ลาสิกขาออกมาเป็นคฤหัสถ์แล้ว ไม่มีอาบัติติดตัวแต่อย่างใด ก็ขอให้เป็นคนดีและศึกษาพระธรรมให้เข้าใจต่อไป นี้แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 4    โดย wannee.s  วันที่ 3 ต.ค. 2555

ถ้าปาราชิกแล้วสึกก็สามารถบรรลุธรรมได้. เพราะไม่มีอาบัติเป็นเครื่องกั้น และสามารถบวชเป็นสามเณร แต่ไม่สามารถเป็นพระภิกษุได้อีก ค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย jaturong  วันที่ 4 ต.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ