[เล่มที่ 41] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้า 64 - 65
พระศาสดา ตรัสว่า "ไม่ควรระลึกถึงถ้อยคำที่ชนผู้ไม่เสมอภาคกันเห็นปานนี้กล่าว การไม่คำนึงถึงถ้อยคำเห็นปานนี้แล้ว ตรวจดูกิจที่ทำแล้วและยังมิได้ทำของตนเท่านั้น จึงควร" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถา นี้ว่า.
๖. น ปเรสํ วิโลมานิ น ปเรสํ กตากตํ อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย กตานิ อกตานิ จ.
"บุคคลไม่ควรทำคำแสยงขนของคนเหล่าอื่นไว้ในใจ ไม่ควรแลดูกิจที่ทำแล้วและยังมิได้ทำของคนเหล่าอื่น พึงพิจารณากิจที่ทำแล้วและยังมิได้ทำของตนเท่านั้น".
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บาทพระคาถาว่า น ปเรสํ วิโลมานิ ความว่า ไม่ควรทำคำแสยงขน คือคำหยาบ ได้แก่ คำตัดเสียซึ่งความรักของคนเหล่าอื่นไว้ในใจ.
บาทพระคาถาว่า น ปเรสํ กตากตํ ความว่า ไม่ควรแลดูกรรมที่ทำแล้วและยังไม่ทำแล้วของคนเหล่าอื่น อย่างนั้นว่า "อุบาสกโน้น ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใส แม้วัตถุมีภิกษาทัพพีหนึ่งเป็นต้นในเรือน เขาก็ไม่ให้ สลากภัตเป็นต้น เขาก็ไม่ให้ การให้ปัจจัยมีจีวรเป็นต้น ไม่มีแก่อุบาสกนั่น อุบาสิกาโน้นก็เหมือนกัน ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใส ภิกษาทัพพีหนึ่งเป็นต้นในเรือน นางก็ไม่ให้ สลากภัตเป็นต้น ก็ไม่ให้ การให้ปัจจัยมีจีวรเป็นต้น ก็ไม่มีแก่อุบาสิกานั้น ภิกษุโน้นก็เช่นกัน ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใส ทั้งไม่ทำอุปัชฌายวัตร ไม่ทำอาจริยวัตร ไม่ทำอาคันตุกวัตร ไม่ทำวัตรเพื่อภิกษุผู้เตรียมจะไป ไม่ทำวัตรที่ลานพระเจดีย์ ไม่ทำวัตรในโรงอุโบสถ ไม่ทำวัตรที่หอฉัน ไม่ทำวัตรมีวัตรในเรือนไฟเป็นอาทิ ทั้งธุดงค์ไรๆ ก็ไม่มีแก่เธอ แม้เหตุสักว่าความอุตสาหะ เพื่อความเป็นผู้มีภาวนาเป็นที่มายินดี ก็ไม่มี".
บาทพระคาถาว่า อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย ความว่า กุลบุตรผู้บวชด้วยศรัทธา เมื่อระลึกถึงโอวาท (๑) นี้ว่า บรรพชิต พึงพิจารณาเนืองๆ ว่า "วันคืนล่วงไปๆ เราทำอะไรอยู่" ดังนี้แล้ว ก็พึงแลดูกิจที่ทำแล้วและยังมิได้ทำของตนอย่างนั้นว่า "เราไม่อาจจะยกตนขึ้นสู่ไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วทำให้เกษมจากโยคะหรือหนอ".
ในกาลจบเทศนา อุบาสิกาดำรงอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว เทศนามีประโยชน์แก่มหาชน ดังนี้แล.
เรื่องปาฏิกาชีวก จบ.