สิ่งที่ปรากฏทางตา....เหมือนเงาในกระจก
โดย papon  8 ส.ค. 2557
หัวข้อหมายเลข 25251

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

"สิ่งที่ปรากฏทางตา....เหมือนเงาในกระจก" คำบรรยายท่านอาจารย์ในแนวทางเจริญวิปัสสนาเวลา 9.00น 675 kHz. ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยกรุณาให้ความกระจ่างด้วยครับ

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 8 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เงาในกระจก ก็คือสิ่งที่ปรากฏทางตา ที่ไม่มีใครในกระจก มีแต่ธรรม ไม่ใช่เรา

ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ได้ที่นี่ครับ

สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา แม้ไม่ต้องเรียกชื่ออะไรเลยทั้งสิ้น แต่ มีจริงๆ ค่ะ เป็นสิ่งเดียว ที่ปรากฏ ให้เห็นได้ ว่ามีลักษณะอย่างนี้แหละ เป็นอย่างนี้แหละ ไม่เป็นอย่างอื่น ไม่ใช่คน ไม่ใช่อะไรเลยทั้งสิ้นเหมือน มองเงาในกระจก มีใครในกระจกหรือเปล่า มีหรือเปล่า แต่เห็นทีไร “เป็นเรา ทุกที ไม่ได้เข้าใจเลยสักนิด นะคะ ว่า เป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ฉันใดนะคะ เดี๋ยวนี้ก็เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะ“เห็น” ที่ไหน โลกไหน วันไหนก็ตาม “สิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้” นะคะที่จะละคลายความติดข้องละคลายการยึดถือว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ด้วย การเพิ่มความเข้าใจขึ้น ทีละเล็ก ทีละน้อย ไม่ลืมว่าขณะนี้นะคะ เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ถ้า รู้ว่า “ทุกอย่าง เกิดดับ อย่างเร็วมาก” จักขุปสาทะ ไม่เที่ยง ข้อความใน พระไตรปิฎกนะคะ ทุกคนก็ผ่านสิ่งที่ปรากฏทางตา ซึ่งภาษาบาลี ใช้คำว่า รูปารัมมะณะ หรือ รูปารมณ์ หรือ จะใช้คำว่า วัณโณ ก็ได้ ก็ไม่เที่ยงได้ยินอย่างนี้ แต่ก็เหมือนเที่ยง ยังไม่เห็นปรากฏการดับไปเลยพร้อมกันนั้น การเกิดดับสืบต่ออย่างเร็วนะคะก็ปรากฏพร้อม “นิมิตที่ตั้งขึ้นว่า เป็นรูปร่างสัณฐานอย่างนี้ จำไว้เลยว่านี่เป็นอะไร เพราะฉะนั้น กว่าจะไถ่ถอนการยึดถือ สภาพที่ ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด นะคะ เป็นสิ่งที่ความจริงเพียงปรากฏว่ามีจริงๆ แล้วปรากฏให้เห็นได้ที่จะเข้าใจว่าเป็นธัมมะ ซึ่งไม่ใช่อัตตา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด นะคะ แต่เป็นอนัตตา

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย tanrat  วันที่ 9 ส.ค. 2557

น้อมจิตระลึกถึงคำสอนที่ว่า เห็นก็เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้นจริงๆ แต่การที่เห็นเป็นคนสัตว์ สิ่งของก็เพราะจักษุปสาทะคือจิต เกิดขึ้นทุกขณะ จิตเกิดดับสลับเร็วมาก สัญญาเก่า ก็ทรงจำและเป็นบัญญัติ จึงออกมาเห็นเป็นคน สัตว์ สิ่งของ แท้ที่จริงเห็นแต่สี ตามที่กล่าวมาไม่ใช่ว่าประจักษ์เห็นการเกิดดับของรูปและนาม แต่นี่ขั้นการฟังมีความเข้าใจอย่างนี้ และระลึกบ่อยๆ ว่าไม่ใช่เรา ไม่มีเรา แต่แท้ที่จริงคือธาตุชนิดหนึ่ง ที่ทำกิจของตนๆ แล้วไม่ได้จะเลือกเห็นตามใจชอบ แต่เกิดเพราะกรรมที่ต้องมาเห็นแบบนี้ นี่คือพระปัญญาธิคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ได้บรรยายโดยท่านอาจารย์สุจินต์ กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 9 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเป็นจริงของธรรม เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องฟังพระธรรมต่อไป ไม่มีหนทางอื่น ในเมื่อธรรมะความจริงก็คืออย่างนี้ สิ่งที่ปรากฏทางตาจะเป็นอื่นไปไม่ได้ ก็ต้องเป็นรูปชนิดหนึ่งสามารถปรากฏเมื่อกระทบกับจักขุปสาท (ตา) โดยมีกรรมเป็นปัจจัยทำให้มีการเห็นเกิดขึ้น สิ่งที่ควรรู้ ก็รู้อย่างนี้ และกำลังปรากฏอย่างนี้ แต่เพราะความไม่รู้ที่สะสมมามีมากก็ต้องฟังจนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่าสภาพที่ปรากฏก็เป็นแต่เพียงสิ่งที่มีจริง เป็นธรรมะ ไม่ใช่ใครอื่นใดเลย เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เท่านั้น เห็นก็เป็นธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง คือ เป็นจิตประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นทำกิจเพียงเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์บุคคลที่เห็น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 4    โดย wannee.s  วันที่ 9 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย peem  วันที่ 10 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย panasda  วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ