
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ฟังธรรมะด้วยความเคารพยิ่ง เมื่อมีความเข้าใจขึ้น รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้น ถ้าไม่มีพระองค์โลกจะมืดสักแค่ไหน!! ที่เคยได้ศึกษามาที่เคยได้ฟังมาที่เคยเข้าใจมา แม้เพียงตื้นๆ ก็ยังเป็นคุณอย่างยิ่งที่มีการเริ่มต้นที่เห็นประโยชน์ สาตถกสัมปชัญญะ ประโยชน์จริงๆ ในสังสารวัฏฏ์คืออะไร
เพราะฉะนั้น ทุกคำต้องสอดคล้องกันหมด ไม่ใช่ไปเริ่มตอนนั้นตอนนี้ ฟังแล้วหรืออะไรนะ แต่ว่า เมื่อได้มีความเข้าใจ ได้ยินได้ฟังเห็นประโยชน์ที่ว่า ความไม่รู้คืออะไร? ความจริงคืออะไร? ประโยชน์ที่ได้เข้าใจมากแค่ไหน!! จากไม่สามารถจะรู้ได้เลย คิดดู!!
เพราะฉะนั้น ประโยชน์สูงสุดในสังสารวัฏฏ์ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เลือกไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้ แต่การเห็นประโยชน์นี่แหละ จะค่อยๆ นำทางไปสู่การที่จะรู้ว่า ประโยชน์จริงๆ ก็คือรู้ว่าขณะนี้เป็นอะไรตรงตามความเป็นจริง จนถึงสัมโมหสัมปชัญญะ
ทุกคำสอดคล้องกับความเป็นจริงที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ไม่ต้องเรียกชื่อจิตเลยว่า ขณะนี้จักขุวิญญาณ หรืออะไรทั้งสิ้น แต่ภาวะนั้นเป็นอย่างนั้น คือกำลังเห็นมีแน่ๆ เห็นมีแน่แต่ไม่รู้จักเห็นว่า อะไรเห็น ภัยไหม?
อ.วิชัย: ครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ภัย ไม่ใช่ตามตัวหนังสือ แต่การเป็นภัย การรู้ความเป็นภัย ต้องไตร่ตรองสะสมจนมั่นคง บารมีทั้งนั้น ต้องอดทนต้องไตร่ตรองต้องเพียร และรู้ประโยชน์ของเนกขัมมะ การสละความติดข้องทั้งหมดในสิ่งที่เกิดแล้วดับ อดทนไป เห็นไหม ขันติบารมี
แล้วชีวิตประจำวันจะไม่เพิ่มความอดทนหรือ? ถ้ารู้ความจริงว่า อกุศลทั้งหลายไม่สามารถที่จะเข้าใจความจริงได้เลย ถ้ามีความติดข้อง ขณะที่กำลังติดข้องรู้ความจริงไม่ได้ แต่ว่าความติดข้องมีจริง ปัญญาที่ได้อบรมแล้วถ้าไม่รู้ก็ละไม่ได้ เห็นไหม! ความละเอียด ภัยของความไม่รู้จริงในแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระมหากรุณาแสดงโดยนัยยะประการทั้งปวง ให้เริ่มค่อยๆ เข้าใจ พอเริ่มค่อยๆ เข้าใจ จะอยากอะไรไหม? เมื่อเข้าใจอยากอะไรหรือเปล่า? เห็นไหม สามารถที่จะเข้าใจได้ ขณะที่เข้าใจจะอยากได้หรือ?
แต่ขณะใดที่ไม่เข้าใจ นั่นแหละ อยากทันทีไม่รู้ตัวเลย แล้วก็เป็นชีวิตประจำวันด้วย กระแสของภวังค์เกิดดับดำรงภพชาติเพื่ออะไร? เพื่อเห็น แค่ทวารเดียว หรือ ๑ ขณะเดียว แล้วก็ไม่รู้สะสมความติดข้องต่อไปนานเท่าไหร่ เร็วแสนเร็วจนในทุกขณะที่ปรากฏเหมือนลืมตาขึ้นแล้วก็ปรากฏทุกอย่าง ความไม่รู้ในสิ่งแต่ละอย่างแค่ไหน? ความติดข้องแค่ไหน? ภัยหรือเปล่า?
อ.วิชัย: ภัยครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ปัญญาที่รู้อย่างนี้จึงจริงทั่วถึง จึงเป็นสาตถกสัมปชัญญะ ประโยชน์สูงสุดในสังสารวัฏฏ์ขณะที่ได้ฟัง เห็นคุณค่าไตร่ตรองในความลึกซึ้งสะสมไปจนกว่าจะเข้าใจขึ้น ไม่ใช่ไปทำอะไร ปิดบังอีกแล้วไม่ให้รู้ความจริง จึงเป็นหนทางที่ละเอียดมากที่ต้องเห็นภัยของอกุศลที่หุ้มห่อด้วยอวิชชา แล้วก็ผูกมัดไว้ด้วยความติดข้อง ไปไหนได้คะนี่! เป็นอย่างนี้แหละ จนกว่าจะค่อยๆ ละคลายสิ่งที่ผูกพันไว้ สิ่งที่หุ้มห่อไว้ จนกว่าจะประจักษ์แจ้งความจริงตามความเป็นจริงเดี๋ยวนี้
อ.วิชัย: ครับ
ท่านอาจารย์: น่ากลัวไหม ภัย?
อ.วิชัย: น่ากลัวครับ อย่างได้เข้าใจความหมายของภิกษุเพิ่มขึ้น เพราะพระสูตรแต่ละพระสูตรที่พระองค์ตรัส ก็จะตรัสเรียกว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลายครับ ดังนั้น การที่จะเป็นผู้ที่จะเห็นภัยในวัฏฏะจริงๆ ไม่ง่ายเลยครับ
อย่างท่านอาจารย์ให้ความเข้าใจเรื่องของ ขณะนี้มีธรรมะไหม? และยังเป็นเราอยู่หรือเปล่า? คือพอเริ่มได้อ่านอีกครั้งหนึ่ง ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เตือนที่จะตรัสธรรมเทศนาที่เป็นเหตุให้บุคคลผู้ได้ฟัง ได้ละความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมะว่า เป็นตัวตนโดยประการทั้งปวงครับ เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งจริงๆ ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จึงมีพระรัตนตรัย ถ้าไม่ฟังเลยไม่ไตร่ตรองเลย ไม่เห็นประโยชน์เลย เกิดดับก็เกิดดับไป ไม่ใช่ธุระของฉัน เป็นต้น สำหรับบางคนที่ไม่มีการที่สามารถเข้าถึง หรือเข้าใจความจริงที่ประเสริฐที่สุดที่ทำให้ผู้นั้นพ้นจากภัยทั้งปวงในขณะที่ปัญญาเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้น มั่นคงในการเข้าใจ จะน้อยจะมาก แต่ละชาติจะสั้นจะยาวอย่างไร ชีวิตจะเป็นอย่างไร ผันแปรไปอย่างไร สุขทุกข์อย่างไร มากน้อยด้วยกิเลสแค่ไหน ก็มั่นคงที่จะเข้าใจความจริง ค่อยๆ ฟันฝ่ากระแสคลื่นลมของโลภะ โทสะ อวิชชาของกิเลสทั้งปวง เพราะมีหนทาง คือได้ฟังความจริง จะเปลี่ยนความจริงไปได้เลยหรือ จะละความจริงไปทำไม จะไปหาความไม่จริงต่อไปอีกหรือ เห็นไหม?
ทั้งหมดก็เป็นการไตร่ตรองเห็นประโยชน์ จึงเป็นขั้นแรกที่จะนำไปสู่การที่จะละความไม่รู้ในการที่เคยยึดถือสภาพธรรมะเดี๋ยวนี้ว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด อัตตายังมีอยู่เต็ม
เพราะฉะนั้น จึงเริ่มเข้าใจสัมปชัญญะ ความรอบรู้ไม่ใช่ไปนั่งอ่านหนังสือ อ้าว!! จำได้ข้อนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เลย แต่การที่จะเห็นประโยชน์จริงๆ ของการรู้ว่า ความจริงเดี๋ยวนี้ลึกซึ้ง ตรงตามที่ได้ทรงแสดงทุกอย่างเมื่อได้ตรัสรู้แล้ว
แล้วคนที่ยังไม่รู้ความจริงแล้วจะรู้ความจริง อีกนานเท่าไหร่?? ไม่มีปัญหา เพราะเหตุว่า ปัญญาไม่ทำให้ติดข้อง อยากจะให้เร็ว อยากจะให้เป็นเท่านั้นเท่านี้ ไม่ใช่เลย ตรงต่อความเป็นจริง
แล้วความเข้าใจเพิ่มขึ้นบ้างไหมในเห็น ที่เห็นมาแล้ว พูดถึงแล้วนานเท่าไหร่ก็พูดถึงเรื่องเห็นประกอบด้วยเจตสิกเท่าไหร่ แล้วก็ลืมนะ จะช้าหรือเร็ว ลืม!! ไม่คิดถึงเลย เมื่อวานคิดบ้างไหมวันก่อนคิดบ้างไหม วันนี้ตั้งแต่เช้ามาถ้าไม่มีการสนทนาธรรมไม่มีการฟังธรรม คิดบ้างไหม?
แม้แต่ความคิดก็ต้องเป็นไปตามการสะสม และปัญญาว่า เห็นประโยชน์หรือยัง และประโยชน์ ก็คือว่าไม่ได้ต้องการที่จะให้คิด แต่ว่า ต้องเกิดตามปัจจัย คิดเมื่อไหร่ นั่นแหละ มีปัจจับพอที่จะคิด น้อยหรือมาก ยาวหรือสั้น ปัญญาระดับไหน ค่อยๆ รู้ความจริงที่ลึกซึ้งไปเรื่อยๆ ค่ะ
สุเมธดาบสได้รับคำพยากรณ์จากพระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า อีก ๔ อสงไขยแสนกัปป์ นานไหมนี่!! อสงไขยแสนกัปป์ ๔ อสงไขยแสนกัปป์ คนที่ได้ฟังก็ปลาบปลื้มดีใจ ยังมีโอกาสได้ฟังได้เข้าใจได้อบรมเจริญปัญญา แม้จะเล็กน้อยปานใด แต่เป็นความตรง และความถูกต้อง ไม่ใช่เปลี่ยนไปด้วยโลภะ หรือความไม่รู้ ขวนขวายจะให้เร็วจะไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ อันนั้นก็คือว่า ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อ.วิชัย: กราบเท้าท่านอาจารย์ ไพเราะอย่างยิ่งครับได้เข้าใจความเป็นธรรมะเพิ่มขึ้น แล้วก็จุดประสงค์จริงๆ ของการที่ได้มีโอกาสได้ศึกษาพระธรรมเพิ่มขึ้นครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ