
ขณะที่ได้ยิน ... ได้ยินคนเดียว ขณะที่คิด ... คิดคนเดียว อยู่คนเดียวแต่ในความคิดไม่ได้อยู่คนเดียว มีคนอื่นอีกหลายคนจนเต็มโลก ... มีต่อเมื่อคิด
เดี๋ยวนี้เองทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้รู้ความจริงว่าเดี๋ยวนี้คืออะไร!!
ชีวิตน้อยเพราะตั้งอยู่น้อย "ชีวิตย่อมเป็นอยู่ในขณะจิตเป็นปัจจุบัน ไม่เป็นอยู่แล้ว จะไม่เป็นอยู่" คือ เดี๋ยวนี้ต้องไม่ใช่สิ่งที่ล่วงแล้วและสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
อยู่คนเดียวกับความคิด (ซึ่งก็ไม่พ้นจิตในแต่ละขณะนั่นเอง) เลือกให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ... อนัตตา
ชีวิตและอัตภาพ สุขและทุกข์ทั้งสิ้นล้วนเป็นธรรมะประกอบด้วยกับจิตดวงหนึ่งๆ หาดำรงอยู่ด้วยจิตสองดวงไม่ ... ไม่พ้นไปจากจิตแต่ละขณะที่เกิด ไม่สามารถเกิดพร้อมกันสองถึงสามขณะได้
เมื่อเข้าใจถูก ความเข้าใจมันเปลี่ยนไม่ได้ เปลี่ยนให้เป็นเข้าใจผิดไม่ได้ คือเริ่มรู้จักธรรมะ ... เป็นอนัตตา แม้จะกล่าวโดยนัยอื่นก็เปลี่ยนไม่ได้เพราะเป็นความจริงของธรรมะนั้นๆ ไม่พ้นจากความเกิดขึ้นเป็นไปของจิตแต่ละขณะๆ
สิ่งที่เกิดแล้วดับแล้วจะไม่เกิดมาอีกเลยในสังสารวัฏ
เพราะได้ฟังเรื่องอื่นมาเยอะ สะสมเรื่องอื่นมาเยอะ จึงคิดถึงเรื่องอื่นๆ มากกว่าเรื่องธรรมะ จึงต้องสะสมการฟังธรรมะ สะสมความเข้าใจ
ขณะที่ไม่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรสและกระทบสัมผัส ขณะนั้นคิด แต่ไม่มีปัญญารู้ความจริงแต่ละขณะ จึงต้องฟังธรรมะและค่อยๆ มั่นคงในความเป็นธรรมะ ... อีกนานเท่าไหร่ ... แสนนาน ... ไม่เห็นความลึกซึ้งของธรรมะจึงคิดว่าจะเห็นธรรมะได้ยังไง ทำอย่างไรจึงไม่ลืม ... ต้องมีเหตุที่สมควรจึงจะเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นชาตินี้เห็นว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจอะไรบ้าง ... ต้องตรง เพราะฉะนั้น สะสมความเข้าใจในความลึกซึ้งที่จะได้ฟังเป็นบารมี และสะสมกุศลแม้เพียงเล็กน้อยก็ดีกว่าเป็นอกุศลไปเรื่อยๆ
จึงต้องมีผู้บำเพ็ญพระบารมีทรงตรัสรู้และทรงแสดงความจริงให้คนอื่นได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม
ขอเชิญติดตามรายการ“สนทนาปัญหาธรรม”
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะอาจารย์ มศพ.
วันอังคารที่ 5 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 - 11.30 น.
ลิงก์ Facebook ... คลิกที่นี่
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ