สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จลุกขึ้นจงกรมในที่แจ้งในเวลาใกล้รุ่ง เห็นท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระองค์ก็เสด็จลงจากที่จงกรม ประทับบนอาสนะที่ปูลาดไว้ครั้นแล้วได้ตรัสกับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีว่า "มาเถิด สุทัตตะ" อนาถบิณฑิกเศรษฐีเบิกบานใจที่พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกชื่อ จึงเข้าไปซบศรีษะลงแทบพระบาทของพระผู้มีพระภาค กราบทูลว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เจริญ พระองค์ประทับสำราญหรือ พระพุทธเจ้าข้า" เวลาที่ผู้หนึ่งผู้ใดได้พบพระผู้มีพระภาค และถ้าท่านศึกษาพระสูตร ท่าน จะเห็นว่า คำปราศรัยของแต่ละท่านนั้นต่างกัน พระผู้มีพระภาคตรัสตอบโดยคาถาว่า "พราหมณ์ ผู้ดับทุกข์ได้แล้ว ย่อมอยู่เป็นสุขแท้ ทุกเวลา ผู้ใดไม่ติดในกาม มีใจเย็น ไม่มีอุปธิ ตัดความเกี่ยวข้องทุกอย่างได้แล้ว บรรเทาความกระวนกระวายในใจ ถึงความสงบแห่งจิต เป็นผู้สงบระงับแล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข"
ต่อจากนั้นพระผู้มีพระภาคก็ได้ตรัส อนุปุพพิกถา ได้แก่กถาเรื่องของทาน เรื่องของศีล เรื่องของสวรรค์ เรื่องโทษของกาม เรื่องการออกจากกาม แล้วก็เรื่องอริยสัจจ์ ๔ อนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ได้ดวงตาเห็นธรรม ได้บรรลุธรรม ได้รู้ธรรมแจ่มแจ้งแล้ว มีธรรมหยั่งลงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากถ้อยคำแสดงความสงสัย ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่ต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอนของพระศาสดา ได้พูดคำนี้แต่พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ภาษิตของพระองค์ไพเราะนัก พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ทรงประกาศธรรมะโดยอเนกปริยายอย่างนี้ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลง หรือส่องประทีปในที่มืด ด้วยตั้งใจว่า คนมีจักษุจะเห็นรูปดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้านี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรม และพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์จงทรงจำข้าพระพุทธเจ้า ว่าเป็นอุบาสกผู้มอบชีวิตถึงสรณะ จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป และขอพระองค์พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์จงทรงรับ ภัตตาหาร เพื่อเจริญบุญกุศลปิติและปราโมทย์ ในวันพรุ่งนี้ของข้าพระพุทธเจ้า ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 27
รับฟัง ... ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี