ภิกษุทุศีล ภิกษุอลัชชี ถึงทีต้องถูกกำจัด
โดย วันชัย๒๕๐๔  29 มี.ค. 2564
หัวข้อหมายเลข 33958

อ.สุจินต์  : ความเป็นเถระ ใครเปลี่ยนไม่ได้ ว่าจะเป็นเถระประเภทไหน บวชเมื่อแก่ ก็เถระแก่ ก็เรียกกันว่าเถระ หรือว่าบวชนาน แต่ไม่เข้าใจธรรมะ แต่อาศัยพรรษาว่าบวชนานเท่าไหร่ ความนานนั้นคือเถระ แต่ไม่ใช่เถระจริงๆ ในพระธรรมวินัย ถ้าเป็นเถระที่แท้จริง ต้องเป็น "ธรรมเถระ"

ด้วยเหตุนี้ ไม่มีเถรสมาคม แต่มีพระธรรมวินัยเป็นศาสดา เมื่อมีการประพฤติผิดธรรมะ ไม่ใช่มีใครตัดสิน แต่พระธรรมวินัยที่ตรัสไว้นั่นแหละ เป็นผู้ที่จะรู้ว่า ผิดอย่างไร ถูกอย่างไร

เพราะฉะนั้น ถ้ามีผู้ไม่รู้ธรรมะ แต่เรียกว่าเถรสมาคม จะมีประโยชน์ไหม? ในเมื่อไม่รู้ธรรมะเลย ว่าผิดอย่างไร ถูกอย่างไร พระน่ะหรือ จะขับรถยนต์ได้ มีข้อไหนในพระธรรมวินัย ที่บอกไว้ว่า อนุญาตให้พระภิกษุ มีชีวิตอย่างคฤหัสถ์  ผู้นั้นต้องสำนึกแล้ว ตั้งแต่ความเป็นพระ บวชนานหรือไม่นาน แต่มีความเข้าใจธรรมะไหม? 

เพราะฉะนั้น ผู้ที่ทรงสุตตะคือพระธรรม คือผู้ที่ถึงความเป็นพระโสดาบันแน่นอน แต่ถึงแม้ยังไม่ถึงพระโสดาบัน ความเข้าใจธรรมะถูกต้อง ซึ่งจะนำทางไปสู่การขัดเกลากิเลส ขณะนั้นก็เป็นภิกษุในธรรมวินัย

เพราะฉะนั้น แม้แต่เพียงภิกษุในธรรมวินัย เป็นหรือเปล่า? ถ้าไม่เป็น จะเป็นเถระ แล้วก็มีสมาคมได้อย่างไร?

นี่เป็นเหตุที่ ในพระพุทธศาสนา ไม่มีการบัญญัติเถรสมาคม แต่มี เถระ ๓ ซึ่งจะต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ถึงบวชเมื่อแก่ อาศัยความแก่เป็นเถระไม่ได้ ไม่ใช่ว่าแก่แล้วจะรู้พระธรรมวินัย แต่บวชเมื่อแก่เท่านั้นเอง เห็นความแก่ก็เข้าใจว่านี่คือเถระ แต่นั่นเป็น "ชาติเถระ" เพราะบวช จึงได้เป็นภิกษุ แต่ว่าไม่ใช่เถระ เพราะเหตุว่าบวชตอนแก่ "เถระ" ต้องหมายถึง มั่นคงในพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นผู้ที่บวชนาน หลายพรรษา แต่ไม่รู้จักธรรมะเลย ไม่เข้าใจธรรมะเลย ก็ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย ไม่ใช่เถระ แต่ต้องเป็น "ธรรมเถระ" เท่านั้น 

เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งพุทธกาล หรือภายหลังปรินิพพาน ไม่มีเถรสมาคม แม้แต่ผู้ที่กระทำสังคายนา ก็เป็นพระภิกษุที่ทรงคุณทั้งนั้น ที่ดำรงรักษาพระศาสนา แต่ไม่ใช่เถรสมาคม  เพราะฉะนั้น จะไม่มีเถรสมาคม แต่มีภิกษุผู้มั่นคงในพระธรรมวินัย

ขอเชิญคลิกชมและฟังบันทึกการสนทนาต้นฉบับ ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง : 



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 29 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ