
ถ้าพูดถึงบรรลุธรรมต้องเข้าใจว่า อะไรบรรลุ เมื่อกี้นี้ไม่มีคน ไม่มีสัตว์เลย มีแต่สภาพธรรม สภาพธรรมก็มีตั้งหลายอย่าง ความโกรธบรรลุธรรมไม่ได้แน่ ความโลภก็บรรลุธรรมไม่ได้ ความเมตตาทำให้บรรลุธรรม รู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ไหม ไม่ได้ ได้ยินคำว่า “สติ” บ่อยๆ สติก็ไม่สามารถรู้อริยสัจธรรมได้ ต้องเป็นปัญญา ความเห็นถูก ความเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงๆ คือในธรรม ตามความเป็นจริงของธรรมนั้น
ถ้าพูดถึงปัญญาก็เป็นอีกคำหนึ่งซึ่งในภาษาไทยก็ใช้คำนี้ ในโรงเรียนครูก็จะรายงานว่า มีสติปัญญามากน้อยแค่ไหน แต่ไม่ใช่ปัญญาเจตสิก นี่เป็นความต่างกัน สิ่งที่เราเข้าใจว่า เป็นปัญญาทางโลก ที่เราเข้าใจว่า สามารถสร้างเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ได้ สามารถคิดยารักษาโรค สามารถคิดสร้างสิ่งที่วิจิตรต่างๆ ถ้าขณะนั้นไม่รู้ความจริงที่เป็นปรมัตถธรรมไม่ใช่ปัญญาเจตสิก เราขอยืมคำมาใช้ แต่เราก็ต้องทราบว่า ปัญญาเจตสิกเป็นธรรมที่สามารถเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่กำลังปรากฏ จนกระทั่งประจักษ์แจ้งการเกิดดับ
เมื่อสามารถประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรม ก็คลายความยึดถือว่าเป็นเรา เพราะเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ เมื่อคลายความยึดมั่นในสิ่งที่เคยเป็นเราทั้งหมด หรือสภาพธรรมที่เป็นนามธรรม และรูปธรรม เห็นโทษภัยว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดดับ จึงน้อมไปสู่การมีนิพพานเป็นอารมณ์ได้ ตราบใดที่ยังพอใจในโลก คือ ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ในความเป็นเรา เมื่อนั้นก็ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจธรรมที่ ๓ คือ นิพพาน ถ้าไม่ประจักษ์แจ้งลักษณะของนิพพาน โดยวิธีใดก็ตาม ไม่สามารถดับกิเลสได้
ขณะนี้ความจริงคือสภาพธรรมเกิดแล้วดับ พอจะเชื่อหรือยังว่าเป็นอย่างนี้ หรือเป็นแต่เพียงแนวทางที่เริ่มเข้าใจว่า แท้ที่จริงทุกอย่างไม่เที่ยง เราพูดกันบ่อยๆ แต่พูดระยะไกล เกิดมาแล้วแก่ แล้วก็เจ็บ แล้วก็ตาย ก็บอกว่าไม่เที่ยง วันนี้เป็นอย่างนี้ พรุ่งนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง ก็ไม่เที่ยง วันนี้แข็งแรงดี พรุ่งนี้ป่วยไข้ เป็นโรคร้ายแรงก็ไม่เที่ยง เราเข้าใจความไม่เที่ยงในระยะที่ยาวมาก แต่ขณะนี้เองไม่นับเป็นวินาทีเลย เพราะว่าเร็วกว่านั้นมาก ที่ทรงแสดงไว้ก็คือว่า ทรงแสดงอายุของรูปๆ หนึ่ง ขอให้คิดถึงที่โต๊ะ หรือที่หนึ่งที่ใดมีอากาศธาตุแทรกคั่นอยู่อย่างละเอียดยิบ พร้อมจะแตกทำลายเมื่อไรก็ได้ เพราะฉะนั้น ในกลุ่มเล็กที่สุดกลาปหนึ่งที่เกิดมามีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ ซึ่งการเกิดดับของจิต ๑๗ ขณะ ขอให้คิดดูว่า ขณะที่กำลังเห็นไม่ใช่ขณะที่กำลังได้ยิน ไม่ใช่ขณะที่กำลังคิด เพราะถึงไม่เห็นก็คิดได้ เพราะฉะนั้น การคิดอาศัยการเห็นแล้วคิดก็มี อาศัยการได้ยินแล้วคิดก็มี หรือไม่อาศัยการเห็น การได้ยินเลย แต่คิด เช่นขณะที่ฝันก็คิด
ความจริงที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมดสำหรับให้พุทธบริษัทได้ศึกษา และได้อบรมเจริญปัญญาที่จะสามารถประจักษ์ความจริงนี้ได้
ขอเชิญรับฟัง
การบรรลุธรรมจิตดวงไหนทำงาน
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
✨️ขณะนี้ เป็นสภาพธรรมทั้งหมด แต่ไม่ปรากฏตามความเป็นจริง เพราะอวิชขา และโลภะ เมื่อใดเริ่มระลึกถึงคำที่แสดงความจริงว่า กำลังเห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏเท่านั้น ไม่ใช่ดอกไม้ ไม่ใช่ โต๊ะ เก้าอี้ เป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏ แล้วสืบต่อด้วยความคิด คิดในสิ่งที่ดับไปหมดแล้ว ไม่มีเหลือ เริ่มต้นใส่ใจทีละน้อยๆ จนกว่าจะคุ้นขึ้นๆ จนไม่ลืมความจริงตามที่ได้ฟัง อาศัยการฟังบ่อยๆ ไตร่ตรองตามคำที่ได้ฟัง ขณะที่กำลังฟัง ตั้งจิตไว้ชอบในการฟัง ขณะนั้นไม่มีเรื่องอื่นสำคัญเท่ากับคำที่ฟัง เป็นขณะที่บูชาพระคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนากุศลทุกท่านค่ะ
🙏🤍🙏