เป็นผู้มีปกติอยู่คนเดียว [เถรนามสูตร]
โดย เมตตา  13 ส.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 50666

[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม 2 - หน้า 780 - 782

๑๐. เถรนามสูตร

ว่าด้วยเรื่องภิกษุรูปหนึ่งชื่อเถระ

[๗๑๘] ครั้นท่านพระเถระนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสถามว่า ดูก่อนเถระ ได้ยินว่า เธอมีปกติอยู่คนเดียวและมักสรรเสริญการอยู่คนเดียว จริงหรือ.

พระเถระกราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า.

พ. ดูก่อนเถระ ก็เธอมีปกติอยู่คนเดียว และมักกล่าวสรรเสริญการอยู่คนเดียวอย่างไร.

ถ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในข้อนี้ คือข้าพระองค์คนเดียวเข้าไปสู่บ้านเพื่อบิณฑบาต เดินกลับคนเดียว นั่งในที่ลับตาคนเดียว อธิษฐานจงกรมคนเดียว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์มีปกติอยู่คนเดียว และมักกล่าวสรรเสริญการอยู่คนเดียว อย่างนี้แล.

[๗๑๙] พ. ดูก่อนเถระ การอยู่คนเดียวนี้มีอยู่ เราจะกล่าวว่าไม่มีก็หาไม่ เถระ อนึ่ง การอยู่คนเดียวของเธอย่อมเป็นอันบริบูรณ์โดยพิสดารกว่าโดยประการใด เธอจงฟังโดยประการนั้น จงทำไว้ในใจให้ดี เราจักกล่าว ท่านพระเถระทูลรับ พระผู้มีพระภาคเจ้า แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสดังต่อไปนี้.

[๗๒๐] ดูก่อนเถระ ก็การอยู่คนเดียว ย่อมเป็นอันบริบูรณ์โดยพิสดารกว่าอย่างไร ในข้อนี้ สิ่งใดที่ล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็ละได้แล้ว สิ่งใดยังไม่มาถึง สิ่งนั้นก็สละคืนได้แล้ว ฉันทราคะในการได้อัตภาพที่เป็นปัจจุบันถูกกำจัดแล้วด้วยดี การอยู่คนเดียวย่อมเป็นอันบริบูรณ์โดยพิสดารกว่าอย่างนี้แล.

[๗๒๑] พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปว่า

เราย่อมเรียกนรชนผู้ครอบงำขันธ์ อายตนะ ธาตุ และไตรภพทั้งหมดได้ ผู้รู้ทุกข์ทุกอย่าง ผู้มีปัญญาดี ผู้ไม่แปดเปื้อนในธรรมทั้งปวง ผู้ละสิ่งทั้งปวงเสียได้ ผู้หลุดพ้น ในเพราะนิพพานเป็นที่สิ้นตัณหา ว่าเป็นผู้มีปกติอยู่คนเดียว ดังนี้.

จบเถรนามสูตรที่ ๑๐

อรรถกถาเถรนามสูตรที่ ๑๐

ใน เถรนามสูตรที่ ๑๐ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.

บทว่า วณฺณวาที แปลว่า มีปกติกล่าวอานิสงส์.

บทว่า ยํ อตีตํ ปหีนํ ความว่า เป็นอันชื่อว่าละความโกรธนั้น ด้วยการละฉันทราคะในเบญจขันธ์อันเป็นอดีต.

บทว่า อนาคตํ ความว่า เบญจขันธ์อันเป็นอนาคตเป็นอันชื่อว่าสลัดเสียได้ ด้วยการสละฉันทราคะในเบญจขันธ์นั้น.

บทว่า สพฺพาภิภุํ ความว่า ตั้งครอบงำขันธ์ อายตนะ ธาตุ และภพ ๓ ทั้งหมด.

บทว่า สพฺพวิทุํ ได้แก่ รู้แจ้งเบญจขันธ์เป็นต้นซึ่งมีประการดังกล่าวแล้วทั้งหมดนั้น.

บทว่า สพฺเพสุ ธมฺเมสุ ความว่า อันเครื่องฉาบคือตัณหาและทิฏฐิไม่เข้าไปฉาบแล้วในธรรมทั้งปวงนั้นแล.

บทว่า สพฺพํ ชหํ ความว่า ละเบญจขันธ์นั้นแลทั้งหมด ด้วยการละฉันทราคะในเบญจขันธ์นั้น.

บทว่า ตณฺหกฺขเย วิมุตฺตํ ได้แก่ น้อมไปในพระนิพพาน กล่าวคือธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา คือในวิมุตติซึ่งมีพระนิพพานนั้นเป็นอารมณ์.

จบอรรถกถาเถรนามสูตรที่ ๑๐