
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โคจรหรืออารมณ์ ที่เป็นประโยชน์ซึ่งควรใส่ใจมี ๓ อย่างคือ พระธรรมคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ให้สะสมอุปนิสัยความเข้าใจธรรมะ หรือ เป็นอุปนิสยโคจร ซึ่งจะเป็นปัจจัยให้เกิดกุศลที่อารักขาจิตจากอกุศล หรือ เป็นอารักขโคจร และเมื่อมีความมั่นคงพอ ก็จะถึงการที่จิตใส่ใจผูกพันในอารมณ์ที่เป็นสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ หรือ เป็นอุปนิพันธโคจร
แม้แต่คำที่ว่า “อุปนิสยโคจร” คำดูยาก แต่ความจริงคืออารมณ์ซึ่งคุ้นเคยบ่อยๆ จนเป็นอุปนิสัยที่มีกำลัง ที่ทำให้ไม่ข้าม ไม่พราก ไม่ละเลยต่ออารมณ์นั้น
นี่คือชีวิตจริง จากการได้ฟังกว่าจะเป็นอุปนิสัย แต่ยังไม่อารักขาก็ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นอุปนิสัยถึงกับอารักขา บุคคลนั้นก็เห็นประโยชน์แล้วว่า ฟังธรรมะเพื่อเข้าใจว่า เป็นธรรมะ ฟังธรรมะเพื่อละความไม่รู้ ฟังธรรมะเพื่อเข้าใจว่า เวลาโกรธเกิดขึ้นไม่รู้ความจริงขณะนั้นจึงโกรธ เป็นสัตว์ บุคคลแล้ว ไม่ฟังแล้ว ก็ไม่ถึงการอารักขา
เพราะฉะนั้น ธรรมะทั้งหมดเลย การฟังทั้งหมดนอกจากอารักขา ก็ยังค่อยๆ เป็นอุปนิพันธะ ผูกไว้กับสิ่งที่ได้ฟังแล้วด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่เป็นอย่างอื่น
(บางส่วนจากธรรมเตือนใจ ... โคจรในชีวิตจริง)
ขอเชิญติดตามการสนทนาธรรมออนไลน์
เรื่อง " โคจรในชีวิตจริง "
กับ คณะอาจารย์ มศพ.
วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2568
เวลา 10.00 - 11.30 น.
Facebook : Dhammahomeradio
ลิงก์ Facebook ... คลิกที่นี่
YouTube : มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

เห็นความลึกซึ้งของพระธรรม ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตาไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย (เพราะไม่มีใคร) แต่ไม่อิสระเพราะต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย
อารมณ์เป็นโคจร เป็นที่เที่ยวไปของจิต
อารมณ์คือสิ่งที่จิตรู้ โคจรคือที่เที่ยวไปแห่งจิต เช่น อารมณ์ทางตาเฉพาะอารมณ์นี้แหล่ะทสงตา ... สีเป็นโคจรเพราะฉะนั้นโคจรทางตาจะเหมือนทางหูได้ไหม ... ไม่ได้!!
อินทรีย์ 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นที่ตั้งที่อาศัยให้จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ของตนๆ ในแต่ละทางๆ อินทรีย์แต่ละอย่างย่อมไม่สวยอารมณ์อื่น รู้เฉพาะอารมณ์ที่เหมาะควรแก่ตนเท่านั้น เช่นจิตที่เกิดโดยอาศัยตาเป็นทาง ก็รู้สีเท่านั้น นี่คือความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้เข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริง
คำของพระพุทธเจ้าไม่ผิดพลาดเลยเพราะเป็นความจริงถึงที่สุด เพราะพระปัญญาถึงที่สุด ... เปลี่ยนไม่ได้ ... ไพเราะและลึกซึ้ง ... เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้ฟัง
การศึกษาและอ่านพระธรรมไม่เป็นอุปนิสัยยะได้ไหม?! ... ได้ถ้าไม่เข้าใจ ... แต่ถ้าฟังแล้วเข้าใจและสะสมความเข้าใจเพิ่มขึ้นๆ เป็นอุปนิสัยโคจรเป็นเหตุให้อารักขโคจร
แต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่งๆ ต้องเป็นไปตามการสะสม เป็นไปตามเหตุปัจจัยว่าจะสะสมเป็นอุปนิสัยโคจรให้สนใจฟังธรรมต่อหรือไม่ ไม่สามารถบังคับบัญชาได้
การที่มีโอกาสได้ไตร่ตรองแต่ละคำว่าจริง มีความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ... ก็แสดงให้เห็นถึงว่าเริ่มมีการกระทำที่ดีงามเพิ่มขึ้น ก็เป็นอุปนิสัยโคจรถึงกับอารักขโคจร
พระพุทธเจ้าทรงแสดงความเป็นจริงของธรรมะ การฟังทั้งหมดนอกจากอารักขา ก็ยังค่อยๆ เป็นอุปนิพันธะ ผูกไว้กับสิ่งที่ได้ฟังแล้วด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่เป็นอย่างอื่น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ