ขอคำอธิบาย เกี่ยวกับ โอกาสโลก สัตวโลก และ สังขารโลก ครับ ... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัตวโลก ว่าหมายถึงอะไร? ยังไม่เข้าใจครับ ...
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
ขอเชิญคลิกอ่านที่....
เรื่อง โลกสาม
จากที่ได้อ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่า สัตวโลกหมายถึงอะไรกันแน่ครับ ... คือเข้าใจว่า โอกาสโลก หมายถึงภูมิ ๓๑ ตั้งแต่นรกภูมิ ไปจนถึง โลกุตตรภูมิ สังขารโลก ก็หมายถึง จิต เจตสิก รูป
แต่ สัตวโลก นี้ยังไม่เข้าใจครับ ขอคำขยายความด้วยครับ จากข้อความตอนนี้
สัตวโลก คือ หมู่สัตว์ที่เกิดมาจากกรรมที่แตกต่างกัน และมีการ กระทำกรรมที่แตกต่างกัน
จิต เจตสิก รูป ที่เกิดจากกรรมที่แตกต่างกัน สมมติกันว่าเป็นสัตว์ประเภทต่างๆ และมีการกระทำกรรมที่แตกต่างกัน เรียกว่า สัตวโลกสถานที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของหมู่สัตว์เหล่านั้น เรียกว่า โอกาสโลก (โดยปรมัตถธรรม ได้แก่ รูปปรมัตถ์)
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
จากความเห็นที่ 2 สัตวโลกก็คือสัตว์ทั้งหลายที่มีชีวิตแต่การจะบัญญัติว่าเป็นสัตว์นั้นต้องมี นามธรรม และรูปธรรม คือ มี จิต เจตสิก รูป เช่น มนุษย์เป็นสัตวโลกเพราะมีจิต เจตสิก รูป ซึ่ง มนุษย์ก็เกิดจากผลของกุศลกรรม แต่ไมได้หมายความว่าสัตวโลกมีแค่มนุษย์เท่านั้น สัตวโลกยังมีมากมาย เช่น สัตว์เดรัจฉาน เทวดา เป็นต้น จะเห็นได้ว่าที่เกิดมา ต่างกันเพราะทำกรรมมาต่างกันคือทำกุศลกรรมบ้างหรืออกุศลกรรมบ้าง (มีการกระทำ กรรมที่แตกต่างกัน) เมื่อกรรมดีให้ผล ก็เกิดเป็นเทวดา หรือมนุษย์ เป็ฯต้น ถ้ากรรมไม่ดีให้ผลก็เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต เป็นต้น ซึ่งสัตวโลกจึงเกิดจากกรรมที่ต่างกันอย่างไรก็ตามสัตวโลกก็ไม่พ้นไปจาก จิต เจตสิก รูป หากไม่มี จิตเ จตสิก รูปแล้วก็ไม่มีสัตวโลกเลยครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จากความเห็นที่ ๒
การศึกษาพระธรรมนั้นที่สำคัญคือ ความเข้าใจถูก เห็นถูก ว่า ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงเพราะมีสภาพธรรมที่มีจริง จึงมีการบัญญัติว่าเป็นสัตว์โลก กล่าวคือ ไม่พ้นไปจากจิต เจตสิก และ รูป (นามธรรม กับ รูปธรรม) ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นสัตว์โลกในภพภูมิใดกล่าวคือ ถ้าเป็นสัตว์โลก ในกามภูมิ (อบายภูมิ ๔ มนุษย์ และ สวรรค์ ๖ ชั้น) มีครบทั้งนามธรรม และรูปธรรม ถ้าเป็นสัตว์โลกในรูปพรหมภูมิ เกิดเป็นรูปพรหมบุคคล เฉพาะอสัญญสัตตาพรหมเท่านั้น ที่มีแต่รูปธรรม ไม่มีนามธรรม ที่เหลือจากนั้น ก็มีทั้งรูปธรรมและนามธรรม สำหรับสัตว์โลกในอรูปพรหมภูมินั้น มีแต่นามธรรม ไม่มีรูปธรรม เลย ดังนั้น เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว เพราะมีจิต เจตสิก รูป จึงบัญญัติว่าเป็นสัตว์โลก แม้แต่เราขณะนี้ เป็นมนุษย์ เป็นสัตว์โลกในมนุษย์ภูมิ ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เป็นนามธรรม กับ รูปธรรม เลย คือ มีจิต เจตสิก และรูป เกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอดเวลา
อีกประการหนึ่ง ต้องมีความเข้าใจระหว่าง ภูมิ ซึ่งเป็นที่เกิดของหมู่สัตว์ กับ ภูมิ ซึ่งเป็นระดับขั้นของจิตด้วย เพราะภูมิซึ่งเป็นที่เกิดของหมู่สัตว์หรือของสัตว์โลกนั้น มี ๓๑ ภพภูมิ หรือประมวลกล่าวสั้นๆ ว่า กามภูมิ ๑๑ รูปภูมิ ๑๖ และอรูปภูมิ ๔ เท่านั้น ไม่รวมโลกุตตรภูมิ เพราะโลกุตตรภูมิ ไม่ใช่ที่เกิดของหมู่สัตว์ โลกุตตรภูมิ เป็นระดับขั้นของจิตที่พ้นจากโลก เป็นระดับขั้นของจิตที่ประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
พระไตรปิฎก
ฟังธรรม
วีดีโอ
ซีดี
หนังสือ
กระดานสนทนา
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)