ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๗๕
โดย khampan.a  28 ต.ค. 2561
หัวข้อหมายเลข 30209

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๗๕


~ ทุกคนก็ต้องเดินทางชีวิตต่อไปอีกยาวนานในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะอบรมเจริญปัญญาถึงขั้นที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอริยบุคคล และชีวิตข้างหน้าก็จะสุขทุกข์อย่างไร ก็ย่อมเป็นไปตามกรรม ซึ่งถ้าทุกคนมีความมั่นใจจริงๆ และมีความเข้าใจจริงๆ ในเรื่องของกรรมนี้ ก็ย่อมจะเป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการเจริญกุศล
~ กุศลจิตเกิดขณะใด ในตอนเช้าก็เป็นเช้าดี ในตอนกลางวันก็เป็นกลางวันดี ในตอนเย็นก็เป็นเย็นดี แต่ว่าต้องเป็นผู้ละเอียด อย่าคิดเพียงเรื่องทานกุศลอย่างเดียว ว่าได้กระทำแล้วตอนเช้า ได้กระทำแล้วตอนกลางวัน หรือว่าได้กระทำแล้วในตอนเย็น แต่กาย วาจา และใจด้วย ที่จะต้องพิจารณาว่า เช้านี้เป็นเช้าดีหรือเปล่า ทั้งกาย ทั้งวาจา และทั้งใจ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เข้าใจในเรื่องเหตุและผล ก็จะได้ทราบว่า ฤกษ์ดี เวลาดี มงคลดี ทั้งหมดก็คือ ขณะจิต
ที่เป็นกุศล ไม่ว่าจะเป็นขณะใดทั้งตอนเช้า ตอนกลางวัน ตอนเย็น จริงไหม?

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๔๕ พรรษา มีประโยชน์สำหรับผู้ที่น้อมรับฟังพระธรรมด้วยความเคารพ คือ เป็นผู้ที่น้อมประพฤติปฏิบัติตาม เป็นการบูชาพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสูงสุด
~ ถ้าเป็นคนที่มีจิตใจเป็นมิตรกัน การกระทำและวาจาก็ย่อมจะทำให้ระลึกถึงกัน เพราะเหตุว่าเป็นการกระทำเป็นการกระทำที่ดีต่อกัน และวาจาก็เป็นวาจาที่ดีต่อกัน นี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงกุศลจิตในขณะนั้นได้ เวลาที่สติ (สภาพธรรมที่ระลึกเป็นไปในกุศล) เกิด ก็จะรู้ได้ว่าในขณะนั้นเป็นจิตประเภทใด
~ มิตร หมายถึงความเป็นเพื่อน ความเป็นเพื่อนไม่ใช่ศัตรู คำว่าเพื่อนมีความหมาย ว่า หวังดีพร้อมที่จะเกื้อกูล เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่เป็นมิตรกับเรา เขาหวังดีต่อเรา และเวลาที่เราเป็นมิตรกับใคร ก็หวังดีกับคนที่เราเป็นมิตรด้วยแน่นอน
~ ทานกุศล เพื่ออะไร? ผู้ที่จะกระทำกุศลแม้ขั้นทานก็ต้องพิจารณาว่า ทานกุศลนี้เพื่ออะไร เพื่อต้องการได้บุญมากๆ หรือว่าเพื่อสงเคราะห์ ช่วยเหลือบุคคลอื่น? นี่ ต้องพิจารณาแล้ว
~ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะให้ ลองคิดดูว่าจะให้อะไรดี? ให้ทรัพย์สินเงินทองให้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เพียงชั่วคราว ที่เขาสามารถที่จะใช้สอยได้ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่ดีกว่านั้น ซึ่งใครๆ ก็ให้ไม่ได้นอกจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) เพื่อเป็นกัลยาณมิตรของทุกคนที่จะมีโอกาสได้ยินได้ฟังคำของพระองค์ซึ่งกล่าวถึงสิ่งที่มีจริง, การมีชีวิตอยู่ สิ่งที่ประเสริฐที่สุด คือ การได้เข้าใจความจริงของชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายซึ่งใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะให้ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และให้สิ่งที่ดีที่สุดกับทุกคน ด้วยคำที่พระองค์ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษาเพื่อที่จะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ ชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไร ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้เลย ชาติก่อนมาจากไหน ก็ไม่รู้ ชาติต่อไปจะไปไหนก็ไม่รู้ แต่เป็นคนนี้ได้ชาตินี้ การมีชีวิต จะสั้นจะยืนยาว มากน้อยแค่ไหน ก็ไม่มีใครบอกได้เลย เพราะฉะนั้น เป็นคนในชาตินี้ ที่ดีที่สุด ดีไหม? หรือว่า เป็นคนเลวๆ โกงกินสารพัด ทุจริต อย่างนั้น ดีไหม? ไม่ดี
~ หนทางเดียวที่จะทำให้คนเป็นพลเมืองที่ดี คือ ให้เขาได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะความเข้าใจถูกเห็นถูก นี้แหละ จะนำไปสู่ทางที่ดียิ่งขึ้น
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม กับใคร เพื่ออะไร? เพื่อผู้ฟังจะได้เข้าใจสภาพธรรมที่เคยยึดถือว่าเป็นเรา เพราะว่าความจริง ธรรมก็เป็นธรรม ไม่ใช่เรา
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงให้เห็นความจริงว่า ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล มี และธรรมที่เป็นกุศล ก็มี แต่ว่าตราบใดที่ศรัทธายังไม่มั่นคง อกุศลก็ต้องเกิดมาก เช่นทุกวัน ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น การได้ฟังอย่างนี้ ก็เป็นการเตือนให้แต่ละคนไม่ประมาทที่จะเห็นโทษของอกุศลและเห็นประโยชน์ของกุศลแม้เพียงเล็กน้อย
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ที่จะให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะเหตุว่า ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง มีหรือที่กุศลทั้งหลายจะเจริญขึ้น
~ ประมาทไม่ได้เลย ขณะใดก็ตามที่เป็นโอกาสที่กุศลจิตจะเกิด ถ้าทิ้งโอกาสนั้น พลาดโอกาสนั้น (โอกาสของกุศล) ก็หมดไป แต่ละหนึ่งขณะๆ มากไหม? เพราะฉะนั้น ก็ฟัง (พระธรรม) เพื่อให้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง เพื่อที่จะได้เป็นผู้ที่มั่นคงในกุศล
~ ความเข้าใจต่างหากที่สามารถที่จะเข้าถึงลักษณะของสภาพธรรม ที่มีจริงๆ หลากหลายมาก และก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ใครทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น จุดประสงค์ของการฟังพระธรรม ก็คือ เพื่อเข้าใจจริงๆ ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา
~ แค่ปัญญาที่เห็นโทษของอกุศล แล้วก็เห็นประโยชน์ของกุศล ก็จะค่อยๆ นำไปสู่การที่จะเห็นประโยชน์ของกุศลเพิ่มขึ้น
~ ความเป็นผู้ตรง ต้องตรงตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ถ้าขณะนี้ไม่ตรง ต่อไปจะตรงไหม? ใครจะรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าจะตรงก็ต้องตรงตั้งแต่เดี๋ยวนี้ในขณะที่ฟังธรรม
~ อันตรายอย่างยิ่งถ้าทำสิ่งที่ไม่ตรงตามพระธรรมวินัย
~ ชีวิตของพระภิกษุเป็นชีวิตที่ขัดเกลาอย่างยิ่ง ละอาคารบ้านเรือนเพื่ออบรมเจริญปัญญาในเพศบรรพชิต ประพฤติตามสิกขาบท (สิ่งที่จะต้องศึกษาและน้อมประพฤติตาม) ทุกข้อ เพื่อขัดเกลากิเลส
~ ชาวบ้านที่ถวายอาหารบิณฑบาตหรือว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้พระภิกษุดำรงอยู่ในเพศพระภิกษุได้โดยไม่ลำบาก เพราะหวังว่า ผู้นั้นจะขัดเกลากิเลส แต่ถ้าไม่เป็นไปอย่างนั้นเลย ไม่มีความเข้าใจธรรมเลย ก็เป็นโทษกับภิกษุรูปนั้นอย่างยิ่ง
~ พระพุทธศาสนา คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะดำรงอยู่ได้ต่อเมื่อมีผู้ที่เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจแล้ว พระพุทธศาสนา ก็ดำรงอยู่ไม่ได้.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๗๔


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย peem  วันที่ 28 ต.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย mammam929  วันที่ 28 ต.ค. 2561

กราบอนุโมทนากุศลจิตทุกขณะที่ท่านอาจารย์เกื้อกูลด้วยพระธรรมคำจริงให้ได้รับฟังด้วยดีค่ะ สาธุๆ ๆ


ความคิดเห็น 4    โดย j.jim  วันที่ 29 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย jaturong  วันที่ 29 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย panasda  วันที่ 29 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย meenalovechoompoo  วันที่ 29 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย kukeart  วันที่ 4 พ.ย. 2561

ึขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ