เปรตมีจริงไหม
โดย สุนิสา  30 ส.ค. 2554
หัวข้อหมายเลข 19606

เปรตมีจริงไหม



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 30 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สิ่งที่ไม่เห็น ไม่ทราบ หรือไม่รู้ ไม่จำเป็นจะต้องไม่มีจริง ครับ ในความเป็นจริงที่เห็นกันอยู่ คือ มีมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ฯลฯ อันนี้เห็นได้ด้วยตา ก็ยืนยันได้ว่ามีครับ ซึ่ง พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของปัญญาและเหตุผล เพราะว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง และทรงแสดงเหตุของธรรมนั้น ดังนั้น การเกิดเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์เดรัจฉาน ฯลฯ จึงต้องมีเหตุ ไม่ใช่เกิดขึ้นมาลอยๆ ครับ มนุษย์เป็นภพภูมิที่ดีกว่าสัตว์เดรัจฉาน อันนี้แน่นอนครับ ทั้งความสามารถ ความสบาย และอื่นๆ ดังนั้น เหตุอะไร ที่ทำให้เกิด และทำให้มีความแตกต่างกันไป แม้เป็นมนุษย์ด้วยกัน ก็ยังแตกต่างกันครับ

สิ่งที่มีจริงอีกอย่าง ที่เราปฏิเสธไม่ไ่ด้เลย คือ การกระทำของเรา ในชีวิตประจำวันซึ่งมีทั้งการกระทำที่ดี เป็นสิ่งที่ดี เป็นกุศล และมีการกระทำที่ไม่ดี เป็นอกุศลกรรมด้วย ครับ

ดังนั้น เมื่อมี การกระทำที่เ่ป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรม การกระทำำนั้น ไม่ได้สูญเปล่า แต่ เป็นตัว "เหตุ" ที่จะทำให้มีการได้รับผลของกรรม เรียกว่า วิบาก (ผลของกรรม) เพราะฉะนั้น การได้เกิดเป็นมนุษย์ ดีกว่า สัตว์เดรัจฉาน เพราะเหตุที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ ต้องเป็นเหตุที่ดีคือ กุศลกรรม ส่วนเหตุเกิดของสัตว์เดรัจฉาน เกิดจากเหตุที่ไม่ดี คือ อกุศลกรรมให้ผลนั่นเองครับ จะเห็นว่า เพราะเหตุ คือ มีการกระทำที่เป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรม จึงมีการเกิด และ มีการเกิดที่ต่างๆ กัน เป็นสัตว์ประเภทต่างๆ และในความเป็นจริงอีกอย่าง คือ อกุศลกรรมที่ทำก็ต้องมีกำลังด้วย จึงเป็นเหตุให้มีความแตกต่างกันไป อกุศลกรรมที่มีกำลังมาก เช่น ฆ่าพ่อ-แม่ เป็นต้น อกุศลกรรมที่มีกำลังมาก ก็ทำให้เกิดในภพภูมิที่สมควรแก่กรรมนั้นๆ และการที่จะได้รับ (ผล) สิ่งที่ไม่ดีมากๆ โดยผลสมควรแก่กรรม นั่นคือ ภพภูมิ นรก นั่นเองครับ

อกุศลกรรมที่มีกำลังเบาลงกว่านั้น ก็ทำให้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน และ อกุศลกรรมที่กำลังน้อยกว่า ก็ทำให้เกิดเป็นเปรตได้ เช่นกัน เพราะมีเหตุ คือการกระทำอกุศลกรรมไว้นั่นเองครับ ดังนั้น เมื่อมีเหตุที่ไม่ดี คือ การกระทำอกุศลกรรมสำเร็จแล้ว ก็ย่อมทำให้เกิดเป็นสัตว์ในภพภูมิที่ไม่ดี มี เปรต เป็นต้นครับ

เปรต เป็นสัตว์ในอบายภูมิ เป็นสัตว์ที่เ่กิด เพราะอกุศลกรรมให้ผล มีผลทำให้ได้รับความทรมาน มีการหิวโหย เป็นต้น อาหารของเปรต คือ การอุทิศส่วนกุศลจากญาติที่อุ-ทิศให้ครับ เปรตจะได้รับส่วนบุญ เมื่อเปรตอนุโมทนา จึงจะพ้นจากความเป็นเปรตได้

ซึ่งภพภูมิเปรต เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ และคำของพระองค์ ย่อมเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง คือ เป็นคำจริงแท้แน่นอน แม้จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แม้จะเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม ก็มีจริงครับ พวกเราเคยเกิดเป็นเปรตมาหมดแล้วเพราะได้เคยทำอกุศลกรรมมายาวนาน ผู้ที่จะไม่เกิดในอบายภูมิ มีเปรต เป็นต้น คือ พระโสดาบัน เพราะฉะนั้น สำคัญคืออบรมปัญญา มีการฟังพระธรรม เป็นต้นครับ ควรเจริญกุศลทุกๆ ประการ รวมทั้ง การอุทิศกุศลให้เปรตด้วย เพราะเรามีญาติมากมายในสังสารวัฏฏ์ ดังนั้น ผู้ที่เ่ป็นเปรตในตอนนี้ ที่เป็นญาติของเรา จึงมีมากมายครับขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ที่แสดงเรื่องราวในพระไตรปิฎกในเรื่องเปรตครับ

เปรตไม่ได้รับผลทานถ้าถวายแก่ผู้ไม่มีศีล

เปรตหรือหิวกระหาย ทำบุญอุทิศกุศลไปให้ [เปตวัตถุ]

พรรณาคาถาเรื่องทานแก่เปรตภูมิ

อุทิศให้เปรต [อรรถกถาธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ]

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 30 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุคคลผู้ที่กระทำอกุศลกรรมประการต่างๆ มีฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น เมื่ออกุศลกรรมให้ผล ทำให้ไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ มีนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์ดิรัจฉานซึ่งไม่มีใครทำให้เลย บางคนตกนรกแล้ว พ้นจากนรก ก็เกิดเป็นเปรต ได้รับความทุกข์ทรมานมากมาย ยังไม่พ้นไปจากอบายภูมิ เป็นไปตามสมควรแก่อกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้ แสดงให้เห็นความความเป็นจริงว่า ถ้ายังไม่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคล ก็ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดในอบายภูมิได้ เพราะเหตุว่าโลภะ โทสะ โมหะ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ วันหนึ่งๆ มีมากมายเหลือเกิน นี้แหละที่จะเป็นเชื้อที่จะนำไปสู่อบายภูมิได้ เพราะเหตุว่าถ้าอกุศลจิตนั้นมีกำลังมากขึ้นทำให้กระทำอกุศลกรรม เมื่ออกุศลกรรมให้ผล ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้เกิดในอบายภูมิได้ ชีวิตประจำวันที่ดำเนินไปในชาตินี้ รวมไปถึงในชาติก่อนๆ ที่ผ่านมา ด้วย ก็ไม่ทราบว่าได้กระทำอกุศลกรรม มาแล้วมากน้อยเพียงใด ถ้ายังไม่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคล แล้ว ถ้ากรรมที่เป็นอกุศลให้ผลทำให้ปฏิสนธิในอบายภูมิ มีนรก เป็นต้น นั่นหมายถึงว่าก็จะหมดโอกาสที่จะอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

การเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผลของกุศลกรรม ถ้าเป็นผู้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งในเรื่องของทาน ศีล และการอบรมเจริญปัญญาความดีเหล่านี้ เมื่อถึงคราวให้ผล ก็สามารถทำให้เกิดในสุคติภูิมิ กล่าวคือ ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ หรือ เป็นเป็นเทวดาได้ และก็เป็นที่น่าพิจารณาว่า ชาตินี้ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แสดงให้เห็นว่า ต้องเป็นผู้ได้กระทำความดีมาแล้ว จึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ต่อไป

เพราะฉะนั้น จุดประสงค์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเรื่องของอบายภูมิ มี นรก เปรต เป็นต้นนั้น ซึ่งมีจริงๆ ก็เพื่อที่จะเตือนให้พุทธบริษัท เป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ ไม่ประมาทกำลังของกิเลส และไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะได้รู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง พ้นจากการที่จะต้องเกิดในอบายภูมิ และจะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ในที่สุด ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย wannee.s  วันที่ 30 ส.ค. 2554

อยากเกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล ๕ แต่ที่สำคัญต้องอบรมเจริญปัญญาด้วย เพราะกุศลขั้นทาน ขั้นศีล กี่ภพกี่ชาติก็ไม่สามารถออกจากสังสารวัฏฏ์ได้ และเหตุที่ทำให้เกิดเป็นเปรต มาจากการล่วงศีล ๕ การล่วงอกุศลกรรมบถ ในพระไตรปิฏกก็มีแสดงไว้ เช่น ไปขโมยผ้า ก็ทำให้เกิดเป็นเปรต พูดเท็จ พูดส่อเสียด ก็ทำให้เกิดเป็นเปรตค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย สุนิสา  วันที่ 9 ก.ย. 2554

ขออนุโมทนา ด้วยนะคะ สำหรับคนที่เข้ามาตอบคำถามและเข้ามาอ่านคะ

ขออุโมทนาคะ ขอบคุณคะ


ความคิดเห็น 6    โดย เทพธิดา  วันที่ 9 ก.ย. 2554

มีจริง คนที่ขโมยของวัดชาติหน้าจะเิกิดเป็นเปรต


ความคิดเห็น 7    โดย น้ำมนต์  วันที่ 14 ก.ย. 2554

ขออนุโมทนา และอย่าลืมแชร์ข้อมูลกับเพื่อนๆ ด้วย


ความคิดเห็น 8    โดย chatchai.k  วันที่ 22 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย สิริพรรณ  วันที่ 5 ธ.ค. 2563

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
ชาติก่อนต้องเคยเป็นเปรตมาแล้ว เป็นคำเตือนที่เป็นประโยชน์มาก แต่ลืมทั้งหมด
เพราะความไม่รู้ ความเห็นผิด ยังมีอยู่ จึงยังไม่พ้นภัย
ชาตินี้ ได้ฟังพระธรรม เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม สะสมต่อไปค่ะ ชาติต่อไปก็เป็นไปตามที่สะสมในชาตินี้และชาติก่อนๆ นี้
ความเข้าใจจากการฟังพระธรรมเท่านั้น เป็นหนทางเริ่มต้นออกจากภัย ออกจากความไม่รู้
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ