๔. จตุตถนิพพานสูตร ว่าด้วยการตรัสถึงพระนิพพานไม่มีการมาการไป
โดย บ้านธัมมะ  8 ส.ค. 2564
หัวข้อหมายเลข 35357

[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 727

๔. จตุตถนิพพานสูตร

ว่าด้วยการตรัสถึงพระนิพพานไม่มีการมาการไป


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 44]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 727

๔. จตุตถนิพพานสูตร

ว่าด้วยการตรัสถึงพระนิพพานไม่มีการมาการไป

[๑๖๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง... เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

ความหวั่นไหวย่อมมีแก่บุคคลผู้อันตัณหาและทิฏฐิอาศัย ย่อมไม่มีแก่ผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัย เมื่อความหวั่นไหวไม่มี ก็ย่อมมีปัสสัทธิ


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 728

เมื่อมีปัสสัทธิ ก็ย่อมไม่มีความยินดี เมื่อไม่มีความยินดี ก็ย่อมไม่มีการมาการไป เมื่อไม่มีการมาการไป ก็ไม่มีการจุติและอุปบัติ เมื่อไม่มีการจุติและอุปบัติ โลกนี้โลกหน้าก็ไม่มี ระหว่างโลกทั้งสองก็ไม่มี นี้แล เป็นที่สุดแห่งทุกข์.

จบจตุตถนิพพานสูตรที่ ๔

อรรถกถาจตุตถนิพพานสูตร

จตุตถนิพพานสูตรที่ ๔ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-

บทว่า อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ความว่า ได้ยินว่า ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงพระธรรมเทศนาอันเกี่ยวด้วยพระนิพพาน โดยแสดงการเทียบเคียงเป็นต้นโดยอเนกปริยายแล้ว ภิกษุเหล่านั้นได้มีความคิดอย่างนี้ว่า อันดับแรก พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงอานิสงส์ ซึ่งมีขันธ์มีอาการเป็นอเนกแห่งอมตมหานิพพานธาตุ จึงทรงประกาศอานุภาพนี้อันไม่ทั่วไปแก่ผู้อื่น. แต่ไม่ตรัสอุบายเครื่องบรรลุอมตมหานิพพานธาตุนั้น พวกเราเมื่อปฏิบัติอยู่ จะพึงบรรลุอมตมหานิพพานนี้อย่างไรหนอ. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบโดยอาการทั้งปวงซึ่งอรรถ กล่าวคือ ภาวะที่ภิกษุเหล่านั้นมีความปริวิตกตามที่กล่าวแล้วนี้.

บทว่า อิมํ อุทานํ ความว่า พระองค์ทรงเปล่งอุทานนี้ อันประกาศถึงการบรรลุพระนิพพานด้วยการละตัณหาได้เด็ดขาดด้วยอริยมรรคของบุคคลผู้เจริญวิปัสสนาอันดำเนินไปตามวิถีจิต ผู้มีกายและจิตสงบระงับ ผู้ไม่อิงอาศัยในอารมณ์ไหนๆ ด้วยอำนาจตัณหา.


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 729

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิสฺสิตสฺส จลิตํ ความว่า บุคคลผู้ถูกตัณหาและทิฏฐิเข้าอาศัยในสังขารมีรูปเป็นต้น ย่อมหวั่นไหว คือ ย่อมดิ้นรนเพราะตัณหาและทิฏฐิว่า นั่นเป็นของเรา นั่นเป็นอัตตาของเรา. จริงอยู่ เมื่อบุคคลผู้ยังละตัณหาและทิฏฐิไม่ได้ เมื่อสุขเวทนาเป็นต้นเกิดขึ้น ไม่อาจจะครอบงำเวทนามีสุขเวทนาเป็นต้นเหล่านั้นอยู่ มีจิตสันดานดิ้นรนกวัดแกว่ง ดิ้นรนหวั่นไหว อันนำออกแล้วเพราะให้กุศลเกิดขึ้น ด้วยอำนาจการยึดถือตัณหาและทิฏฐิ โดยนัยมีอาทิว่า เวทนาของเรา เราเสวย.

บทว่า อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถิ ความว่า ก็บุคคลใดดำเนินไปตามวิสุทธิปฏิปทา ย่อมข่มตัณหาและทิฏฐิได้ด้วยสมถะและวิปัสสนา ย่อมพิจารณาเห็นสังขารด้วยลักษณะมีอนิจจลักษณะเป็นต้นอยู่ บุคคลนั้น คือ ผู้ไม่ถูกตัณหาและทิฏฐิอาศัย ย่อมไม่มีจิตหวั่นไหว ฟุ้งซ่าน ดิ้นรน ตามที่กล่าวแล้วนั้น เพราะข่มเหตุไว้ได้ด้วยดีแล้ว.

บทว่า จลิเต อสติ ความว่า เมื่อจิตไม่มีความหวั่นไหวตามที่กล่าวแล้ว เขาก็ทำจิตนั้นให้เกิดความขวนขวายในวิปัสสนา อันดำเนินไปตามวิถีจิต โดยที่การยึดถือตัณหาและทิฏฐิเกิดขึ้นไม่ได้.

บทว่า ปสฺสทฺธิ ความว่า ปัสสัทธิทั้ง ๒ อย่าง อันเข้าไปสงบกิเลสซึ่งกระทำความกระวนกระวายกายและจิตที่เกิดร่วมกับวิปัสสนาจิต.

บทว่า ปสฺสทฺธิยา สติ นติ น โหติ ความว่า เมื่อปัสสัทธิอันควรแก่คุณวิเศษก่อนและหลังมีอยู่ เธอเจริญสมาธิอันมีความสุขหามิได้เป็นที่ตั้งแล้ว จึงประกอบสมถะและวิปัสสนาให้เนื่องกันเป็นคู่ โดยทำสมาธินั้นให้รวมกับวิปัสสนา แล้วทำกิเลสให้สิ้นไปโดยสืบๆ แห่งมรรค ตัณหาอันได้นามว่า นติ เพราะ


ความคิดเห็น 4    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 730

น้อมไปในกามภพเป็นต้นไม่มีในขณะแห่งอริยมรรคโดยเด็ดขาด อธิบายว่า ไม่เกิดขึ้น เพราะให้ถึงความไม่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา

บทว่า นติยา อสติ ความว่า เมื่อไม่มีปริยุฏฐานกิเลส คือ ความอาลัยและความติดเพื่อต้องการภพเป็นต้น เพราะละตัณหาได้เด็ดขาดด้วยอริยมรรค.

บทว่า อาคติคติ น โหติ ความว่า การมา คือ ความมาในโลกนี้ด้วยอำนาจปฏิสนธิ การไป คือ การไปจากโลกนี้สู่ปรโลก ได้แก่ ความละไปด้วยอำนาจจุติย่อมไม่มี ได้แก่ ย่อมไม่เกิด.

บทว่า อาคติ- คติยา อสติ ความว่า เมื่อไม่มีการมาและการไปโดยนัยดังกล่าวแล้ว.

บทว่า จุตูปปาโต น โหติ ความว่า การจุติและอุปบัติไปๆ มาๆ ย่อมไม่มี คือ ย่อมไม่เกิด. จริงอยู่ เมื่อไม่มีกิเลสวัฏ กัมมวัฏก็เป็นอันขาดไปทีเดียว และเมื่อกัมมวัฏนั้นขาดไป วิปากวัฏจักมีแต่ที่ไหน ด้วยเหตุนั้นนั่นแล ท่านจึงกล่าวว่า เมื่อไม่มีจุติและอุปบัติ โลกนี้และโลกหน้าก็ไม่มี ดังนี้เป็นต้น. คำที่ควรกล่าวในข้อนั้น ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วโดยพิสดารในพาหิยสูตรในหนหลังนั่นแล. เพราะฉะนั้น พึงทราบความโดยนัยดังกล่าวแล้วในพาหิยสูตรนั่นแล.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศอานุภาพแห่งอมตมหานิพพาน อันเป็นเหตุสงบทุกข์ในวัฏฏะได้โดยเด็ดขาดด้วยสัมมาปฏิบัติแก่ภิกษุเหล่านั้น ในพระศาสนาแม้นี้ ด้วยประการฉะนี้.

จบอรรถกถาจตุตถนิพพานสูตรที่ ๔