
อ.วิชัย: ถ้าไม่รู้จักอกุศล ก็ละอกุศลไม่ได้ครับท่านอาจารย์ ดังนั้น การที่เราได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม อย่างการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดง อกุศลอย่างโลภะเป็นความติดข้อง โทสะเป็นความขัดเคืองประทุษร้าย ส่วนโมหะก็เป็นความหลง ความไม่รู้ ความจริงของสภาพธรรมครับ
ความรู้ความเข้าใจที่จะเจริญขึ้น แล้วจะเป็นเหตุให้อกุศลค่อยๆ ละคลายลงไปครับ จะเป็นการละคลายขึ้นจากความเข้าใจอย่างไรครับ ก็ดูเหมือนกับฟังแล้วก็ผ่านไปครับ แม้ในเรื่องราวของอกุศลครับ กราบท่านอาจารย์ครับ
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้มีโลภะไหม?
อ.วิชัย: เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่ครับ
ท่านอาจารย์: จะละไหม?
อ.วิชัย: จะละไหม ...
ท่านอาจารย์: เมื่อกี้พูดว่าอย่างไร?
อ.วิชัย: ถ้าไม่รู้จักอกุศล ก็ละอกุศลไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จะละไหมอกุศล?
อ.วิชัย: ละครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: จะละแน่ไหม?
อ.วิชัย: ก็อกุศลไม่ดี ติดข้อง โลภะครับ อย่างหัวเราะเมื่อสักครู่นี้ก็คิดว่าเป็นโลภะครับ คิดว่าครับ แต่ลักษณะของโลภะก็ไม่ได้ปรากฏครับ
ท่านอาจารย์: แล้วจะละไหม?
อ.วิชัย: ละครับ เพราะโลภะไม่ดีแน่นอนตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ครับ
ท่านอาจารย์: แน่ใจหรือว่าจะละ?
อ.วิชัย: ครับ
ท่านอาจารย์: เห็นไหม ต้องเป็นความละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ก่อนว่า คืออะไร แล้วหลังจากนั้นจึงจะรู้ว่า จะละหรือเปล่า ถูกต้องไหม?
อ.วิชัย: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: ไม่ใช่ว่ามีแต่ชื่อว่าโลภะ เมื่อกี้นี้เกิดแล้ว อย่างนั้นจะละอะไร? แม้แต่ได้ยินได้ฟัง ขณะที่หัวเราะก็เป็นโลภะ ถึงไม่หัวเราะก็เป็นโลภะ แล้วจะละอะไร เห็นไหม?
ความลึกซึ้งของแต่ละคำที่พูด ที่คิด กว่าจะรู้ความจริงที่ลึกซึ้ง ต้องเป็นผู้ที่ตรงจริงๆ ตรงว่า ขณะนี้ไม่รู้อะไร และจะละอะไร?
อ.วิชัย: ไม่รู้ว่า เห็น เป็นธรรม
ท่านอาจารย์: แล้วจะละอะไร?
อ.วิชัย: ก็ละความยึดถือว่า เห็นเป็นเรา
ท่านอาจารย์: นั่นแน่!! ไม่ใช่ละความไม่รู้หรือ? ไม่รู้ว่า เห็น ไม่ใช่เรา แล้วจะละอะไร? จะละ โลภะ หรือว่า จะละความไม่รู้
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ