เพื่อให้เกิดสติเพราะพระองค์ตรัสเรียก
โดย เมตตา  5 ธ.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 51593

[เล่มที่ 50] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้า 459 - 460

๙. อุตติยเถรคาถา

ก็พระเถระ ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เมื่อจะแสดงความว่า เมื่อบุคคลไม่รังเกียจกิเลสทั้งหลาย ย่อมไม่มีทางที่จะยกศีรษะขึ้นจากทุกข์ในวัฏฏะได้ ส่วนเรารังเกียจกิเลสเหล่านั้นแล้วทีเดียว ดังนี้ โดยมุ่งแสดงให้เห็นการบังเกิดขึ้นแห่งกิเลสของตน ได้กล่าวคาถาว่า


อ.คำปั่น: ได้ฟังก็ซาบซึ้งอย่างยิ่งครับในความเกื้อกูลที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงความเป็นจริงของธรรมะ แม้แต่ในเรื่องของ ภัย ก็มีนัยยะที่หลากหลาย แล้วก็เป็นขัอความที่เกื้อกูลอย่างยิ่งครับ ไม่ว่าจะเป็น ธรรมะที่เกิดดับในขณะนี้ก็เป็นภัย แต่ยังไม่เห็นความเป็นภัย ก็ต้องอาศัยพระธรรมต่อไป

และอีกประการหนึ่งที่ได้ฟังเมื่อสักคนู่นี้ครับ ก็คือ กิเลสที่เป็นภัย ครับ อย่างเช่น ความเห็นผิดที่ยึดถือว่าเป็นตัวตนสัตว์บุคคลครับ ก็เป็นภัยที่น่ากลัวซึ่งก็มีมูลรากมีรากฐานมากจากโมหะ หรืออวิชชา ซึ่งเป็นความไม่รู้ครับ ก็มีข้อความที่จะขอโอกาสท่านอาจารย์เพื่อความละเอียดอย่างยิ่งครับ ก็คือท่านพระอตติยเถระซึ่งท่านก็เป็นพระอรหันต์เป็นผู้ที่แสนไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวงครับ

ท่านก็ได้กล่าวข้อความที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนรุ่นหลังอย่างยิ่งครับ ซึ่งก็มีความละเอียดที่จะได้กราบเรียนเพื่อความละเอียดจากท่านอาจารย์ครับ

ท่านอุตติยเถระ เมื่อท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านก็ได้กล่าวว่า บุคคลไม่รังเกียจกิเลสทั้งหลาย ย่อมไม่มีทางที่จะยกศีรษะขึ้นจากทุกข์ในวัฏฏะได้ ครับท่านอาจารย์ เพียงแแค่นี้ครับ ก็ได้ฟังเรื่องกิเลสมากันก็นานครับ ก็ยังเป็นผู้ที่ไหลไปตามกิเลสอยู่ครับ ข้อความนี้จะเป็นประโยชน์เป็นเครื่องเตือนอย่างไรครับ กราบท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่เห็นว่า ขณะนี้เป็นทุกข์ ศีรษะอยู่ไหน? เงย หรือจม?

อ.คำปั่น: จมครับ ยกไม่ขึ้น

ท่านอาจารย์: ยกไม่ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ชัดเจน

อ.คำปั่น: การที่จะเป็นผู้ที่รังเกียจกิเลสจริงๆ ครับท่านอาจารย์ คืออย่างไรครับ

ท่านอาจารย์: กิเลสดีไหม?

อ.คำปั่น: กิเลสไม่ดีครับ

ท่านอาจารย์: แค่นี้แหละ รังเกียจหรือยัง บอกว่าไม่ดี ไม่ดีแล้วชอบหรือ?

อ.คำปั่น: ไม่ดีแล้วยังชอบหรือ ..

ท่านอาจารย์: รังเกียจหรือเปล่า?

อ.คำปั่น: คือตรงนี้ก็สารภาพกับท่านอาจารย์ตรงๆ เลยครับว่า ก็ยังชอบยังติดข้อง ยังเป็นไปกับกิเลสครับ

ท่านอาจารย์: ตราบใดที่ยังเห็นเป็นคุณคำปั่น ยังเห็นเป็นคุณวิชัย ยังเห็นเป็นคุณอรรณพ ยังเห็นเป็นคุณกุลวิไล ไมม่รู้ตามความเป็นจริงว่า ไม่มี มีแต่สิ่งที่ปรากฏเป็นสีสันทั้งหมดเลย คิดดู!! ความไม่รู้ระดับไหน แล้วจะออกไปจากสีสันที่ปรากฏเป็นคุณคำปั่น ยังเป็นคุณวิชัย ยังเห็นเป็นคุณอรรณพ ยังเห็นเป็นคุณกุลวิไล ไม่ได้รู้ตามความเป็นจริงว่าไม่มี มีแต่สิ่งที่ปรากฏเป็นสีสันทั้งหมดเลย คิดดู!! ความไม่รู้ระดับไหน แล้วจะออกไปจากสีสันที่ปรากฏเป็นคุณคำปั่น คุณกุลวิไล คุณอรรณพได้อย่างไร

ยิ่งฟังยิ่งเข้าใจไหมว่า ต้องอาศัยกาลเวลา และความตรงที่จะค่อยๆ มีปัจจัยที่ทำให้เริ่มระลึกตรงสิ่งที่ปรากฏ

อ.คำปั่น: เป็นคำจริงเป็นความจริงทั้งหมดเลยครับ ก็ต้องอาศัยพระธรรมต่อไป เพราะว่าความเข้าใจน้อยนิดมากครับ พอได้ฟังข้อความที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ก็ใส่ใจเก็บไว้ในหทัยไว้ในใจเป็นเครื่องเตือนที่ดีอย่างยิ่งว่า มีแต่ธรรมะเท่านั้น ครับ

ท่านอาจารย์: ไม่สงสัยในคำว่า สาตถกสัมปชัญญะ ใช่ไหม? เริ่มแล้ว! ประโยชน์สูงสุดในสังสารวัฏฏ์ แม้ยังไม่เห็นจนลึกซึ้งจนทั่วจนละเอียด แต่เริ่มเห็นแล้วว่า มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองรูปสมบัติเกียรติยศชื่อเสียงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะความจริงหามีไม่ แค่เกิดแล้วดับเท่านั้น

ในบรรดาสิ่งที่เกิดแล้วดับ ถ้าไม่มีความรู้ก็จมลงไปศีรษะเงยไม่ขึ้น ไม่เห็นอะไรเพราะจมลงไป แต่พอได้ฟังแต่ละคำความเข้าใจตรงแม้เพียงเล็กน้อย ตรงอีกก็เพิ่มอีกๆ จนกระทั่งมากขึ้นจนสามารถที่จะรู้ความจริงได้โดยไม่ใช่หวังว่า จะต้องไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เป็นคำตรงที่จะเข้าใจสิ่งที่ปรากฏแค่ไหน เป็นเครื่องพิสูจน์ใช่ไหม? สิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้เข้าใจความจริงแค่ไหน?

อ.คำปั่น: ครับ เป็นเครื่องพิสูจน์ครับ ยิ่งฟังก็ยิ่งเห็นเลยครับว่า จะต้องขาดการฟังไม่ได้จริงๆ เลยครับ ทุกครั้งที่ได้ฟังก็เป็นโอกาสที่ได้สะสมความเข้าใจเพิ่มขึ้นครับ

และก็ ซาบซึ้งอย่างยิ่งกับข้อความที่ อ.วิชัย ได้อัญเชิญมากราบเรียนธรรมกับท่านอาจารย์ครับ ทุกครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงพระธรรมครับ ก่อนที่พระองค์จะทรงแสดง พระองค์ก็ตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ซึ่งข้อความในอรรถกถา ในนิทานวรรค ก็มีคำอธิบายไว้สั้นๆ ครับ แต่ว่าก็ทำให้เห็นเลยครับว่า ทั้งหมดที่พระองค์ตรัส ก็คือเพื่อประโยชน์ทั้งหมดเลยครับ อย่างที่ พระองค์ตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เพื่อให้เกิดสติ ครับ นี้คือข้อความในอรรถกถาอธิบายไว้เพื่อให้เกิดสติครับ คำนี้เกื้อกูลอย่างไร ครับท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่ตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ขณะนั้นภิกษุกำลังทำอะไรกัน?

อ.คำปั่น: ก็กำลังคิดเรื่องอื่นบ้าง กำลังคุยกันบ้าง บางทีก็หลับบ้างก็มีครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: นั่นซิ!! เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะได้ฟัง เตือนแล้วใช่ไหม? ตื่นเสัย ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น เพราะพระองค์ตรัสเรียก

อ.คำปั่น: ครับ เป็นประโยชน์มากครับ ถ้าไม่ตรัสเรียก ก็ไม่ได้ใส่ใจในคำที่จะได้ฟัง ก็เป็นการพลาดโอกาสไป

เพราะฉะนั้น แต่ละคำที่พระองค์ตรัส จึงควรค่าอย่างยิ่งที่จะได้ฟังจริงๆ ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จะรีบร้อนไปทำอะไรกัน เพราะว่าทุกคำสอดคล้องกันหมด ทรงแสดงความจริงโดยนัยยะของธรรมะที่เป็นปรมัตถธรรมที่เป็นอภิธรรม ไม่ว่าจะเป็นพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม เป็นตัวจริงของธรรมะทั้งหมดโดยนัยยะหลากหลายประการต่างๆ

อ.คำปั่น: สอดคล้องกันมากๆ เลยครับ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ

ขอเชิญอ่านเพิ่มได้ที่ ..

การบังเกิดขึ้นแห่งกิเลสของตน [อุตติยเถรคาถา]

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 5 ธ.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ