ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๗๐
โดย khampan.a  23 ก.ย. 2561
หัวข้อหมายเลข 30112

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๗๐


~ ภิกษุจริงๆ ควรที่จะเคารพนับถือ เพราะว่า สามารถที่จะสละคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิต แค่คำนี้ก็ต้องตรง สละ ก็คือ ละอาคารบ้านเรือนวงศาคณาญาติ ละชีวิตของคฤหัสถ์การงานหน้าที่ทั้งหมดที่เคยเป็นคฤหัสถ์ เพราะว่าทันทีที่ได้อุปสมบท (บวช) จะต้องสำนึกว่า เราไม่ใช่คฤหัสถ์ ทั้งหมด เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น สำหรับพระภิกษุเป็นผู้อุทิศชีวิตทั้งชีวิตเพื่อที่จะได้เข้าใจธรรมซึ่งยาก ละเอียด แต่รู้ว่าสามารถประพฤติขัดเกลากิเลสได้ ก็ประพฤติตาม ขัดเกลาตามพระธรรมวินัย
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจ จะไปไหน? ก็ไปทางที่ไม่เข้าใจ ซึ่งเป็นมานานแสนนาน แต่เมื่อเริ่มมีความเข้าใจถูก ก็จะเป็นเหตุให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้นต่อไปได้
~ ถ้าหากมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นแล้วไม่หวั่นไหว ขณะนั้นก็ต้องเป็นสุขมากกว่าคนที่อยากจะเห็น อยากจะได้ยิน แม้จะมีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่หวั่นไหวด้วยความทุกข์ด้วยอกุศลที่เกิดขึ้นกลุ้มรุมจิตใจ
~ ฟังพระธรรมตลอดชาตินี้ ก็เพื่อความเข้าใจอย่างมั่นคงว่า ธรรม เป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน

~ ถ้าไม่มีความเข้าใจถูกตั้งแต่ต้น ปัญญาขั้นต่อไปก็มีไม่ได้
~ หนทางของปัญญา เป็นไปเพื่อมีความเข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน
~ พระธรรม ย้ำแล้วย้ำอีก ว่า แต่ละคนนั้น มีกิเลสมากจริงๆ เพื่อจะได้ไม่ประมาทในการเจริญกุศล ขัดเกลากิเลส, เพราะเห็นโทษของกิเลส จึงมีการเจริญกุศลยิ่งขึ้น
~ ไม่ศึกษาพระพุทธศาสนา จะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้อย่างไร มีแต่พากันกระทำในสิ่งที่ผิด ปฏิบัติผิด นั่น คือ บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา
~ อย่างไรก็ต้องตาย ก็ทำความดีให้มากที่สุด ไม่ดีกว่าหรือ? เข้าใจพระธรรมให้มากที่สุด ไม่ดีกว่าหรือ? จะได้ติดตามไปได้ จะทิ้งโอกาส (แห่งการสะสมความดีและฟังพระธรรม) ได้อย่างไร?
~ คนไม่ดีนั้น มีมากแน่ๆ แต่สำหรับบุคคลผู้มีปัญญาแล้ว ถึงแม้คนอื่นจะเกิดอกุศล แต่ตัวท่านเอง ก็สามารถที่จะไม่เกิดอกุศล ได้
~ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงแสดงธรรมให้คนอื่นเป็นคนชั่ว หรือเป็นคนเลว แต่เพื่อประโยชน์ของผู้ฟังเองที่ต้องเป็นผู้ที่มั่นคง หนักแน่นในการที่จะเป็นคนดี แต่ว่าจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อได้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้นด้วย
~ การที่กุศลจะเจริญขึ้นได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นคุณจริงของกุศลธรรมที่จะเป็นไปเพื่อการขัดเกลาอกุศล จึงไม่ว่างเว้นจากโอกาสที่จะได้สะสมความดีในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของความดีประเภทใดก็ตาม
~ พระธรรมจะชี้ให้เห็นตามความเป็นจริงว่า อกุศลเป็นอกุศล แยบยลหลากหลายและละเอียดมากด้วย ยากที่จะรู้ได้ แต่ปัญญาสามารถรู้ทุกอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงได้ ขณะนั้นเบิกบานที่ได้รู้ความจริงและได้พ้นจากการไม่รู้ความจริง
~ ไม่รั้งรอที่จะกระทำความดีเท่าที่สามารถจะกระทำได้ เพราะเหตุว่าแม้ว่าจะกระทำความดีสักเท่าไรก็ยังไม่พออยู่นั่นเอง ตราบใดที่เมื่อไม่กระทำความดีจิตก็ต้องเป็นอกุศล

~ ความเห็นผิด เป็นโทษอย่างยิ่ง นำไปในสิ่งที่ผิด ทั้งหมด
~ ไม่ควรที่จะมีความคิดไม่ดีกับใครๆ เลย เพราะเหตุว่าเป็นโทษสำหรับตนเอง และโทษนี้ถ้าเป็นอกุศลกรรม ก็จะทำให้เกิดในอบายภูมิได้

~ ขณะที่โกรธ ไม่ใช่มิตร ขณะที่หวังร้าย ไม่ใช่มิตร ขณะที่เป็นอกุศลทั้งหมด ไม่ใช่มิตร
~ ต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็เห็นโทษเห็นภัยของอกุศลจริงๆ ว่า ถ้าวันนี้ยังไม่เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย วันต่อๆ ไป อกุศลก็ย่อมเพิ่มพูนขึ้น

~ โทสะเกิดขึ้นขณะหนึ่ง ไม่ได้จบหรือหมดไปเพียงเท่านั้น ยังสะสมสืบต่อที่จะทำให้โทสมูลจิต (จิตที่มีโทสะเป็นมูล) เกิดข้างหน้าอีก
~ สละวัตถุสิ่งของให้ทาน สละความโกรธความขุ่นเคืองใจในผู้อื่น มีความอดทนทุกอย่างที่จะบำเพ็ญความดีทุกอย่าง นี้แหละ เป็นการเติมความดีอยู่เรื่อยๆ

~ ผูกพันกับลูกหลาน เพื่อนฝูงมิตรสหาย แต่ตายหมดเลย แล้วก็เกิดใหม่ ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะฉะนั้น ระหว่างนี้อะไรล่ะที่สะสม? ความผูกพัน ความติดข้อง หารู้ไม่ว่าไม่มีคนที่เราผูกพัน แต่ความผูกพันเกิดแล้วในใจ ซึ่งจะผูกต่อไปอีกทุกชาติ ไม่ว่าจะพบอะไร

~ จริงๆ แล้วบุคคลซึ่งเป็นที่รัก เพราะโลภะสะสมมาที่จะติดข้อง ไม่ใช่เฉพาะคนนี้ ชาติก่อนคนไหนก็ไม่รู้เยอะแยะ ชาตินี้ ก็มีลูกหลานเพื่อนเยอะแยะ ชาติหน้าใหม่แล้ว ก็ยังติดข้องอยู่อย่างมากมาย เพราะฉะนั้น ไม่มีวันพ้น ถ้าไม่รู้ความจริง แต่ถ้าค่อยๆ รู้ความจริงว่า ความติดข้องมีแต่สิ่งที่ถูกติดข้องจริงๆ แล้วหามีไม่ หรือแม้แต่ความติดข้องที่ว่ามี ก็ดับ แต่สะสมสืบต่อ ในขณะที่สิ่งที่ปรากฏไม่ได้ติดตามไปเลย

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงเห็นประโยชน์ของความโทมนัส (เศร้าโศกเสียใจ) ใดๆ เลยทั้งสิ้น แทนที่จะมีปัญญาเข้าใจถูกต้อง กลับมาเสียเวลาร้องไห้ ร้องไห้ไปได้ประโยชน์อะไร อกุศลทั้งหลายมีประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้น คำจริงต่างหากที่จะทำให้เห็นค่าของปัญญาที่สามารถที่จะรู้ว่าสิ่งที่ควร สิ่งที่ถูกต้องนั้นคืออย่างไร

~ ความไม่รู้ในสิ่งที่ปรากฏ เป็นปัจจัยให้เกิดความติดข้องมากมายในสิ่งที่ไม่มี เพราะเหตุว่าเพียงปรากฏว่ามี แล้วดับ แล้วไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ สิ่งนั้นไม่มีอีก แต่ก็เป็นที่ตั้งของความติดข้องด้วยความไม่รู้ เพราะเข้าใจผิดว่ายังอยู่ ยังมี

~ การที่จะเป็นมิตรที่ดีเพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่เราได้มีโอกาสพบกัน นั้น สิ่งที่ให้ที่ประเสริฐสุดคือความเข้าใจที่ถูกต้องตามสมควรที่เขาสามารถจะเข้าใจได้

~ กว่าจะรู้สภาพธรรมะตามความเป็นจริง ก็จะต้องมีปัญญาที่ค่อยๆ เข้าใจในความจริงทีละเล็กทีละน้อยจนกระทั่งสามารถที่จะรู้ว่าขณะนั้นเป็นธรรม ไม่ใช่ว่าตรงไปถึงก็รู้ว่าเป็นธรรมได้เลย แต่กว่าจะรู้อย่างนั้น ก็ต้องเข้าใจในความเป็นจริงทีละเล็กทีละน้อย

~ อำนาจ คือ สิ่งที่ทำให้เป็นไปได้ ถ้าไม่สามารถที่จะทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นไปได้ จะมีอำนาจอะไร เพราะฉะนั้น ธรรมดาอำนาจก็จะหมายความถึงสิ่งหรือธรรมที่ทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นไปได้ กล่าวโดยปรมัตถธรรม ก็คือ ธรรมนั่นเอง เป็นอำนาจที่จะทำให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นตามกำลังของธรรมนั้นๆ

~ ถ้าเป็นฝ่ายธรรมที่ไม่ดี ก็ทำให้สิ่งที่ไม่ดี ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ เป็นไปในทางที่ไม่ดี นี้คือ กำลังของธรรมที่ไม่ดี แต่ถ้าเป็นธรรมที่ดี ตรงกันข้ามเลย ไม่สามารถที่จะไปทำให้สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น กำลังของทั้งสองอย่าง จึงต่างกัน

~ อกุศลก็ยังคงเป็นอกุศล อกุศลจะเป็นกุศลไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ผู้ที่มีปัญญาที่เห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง จึงสามารถที่จะเข้าใจถึงสภาพของธรรมจริงๆ ว่า ธรรมแต่ละอย่าง ไม่ปะปนกัน ไม่มีใครสามารถที่จะไปเปลี่ยนแปลงได้, แม้ว่าอกุศลมีจริง แต่ก็ยังสามารถที่จะดับหมดสิ้นไปได้ ด้วยกำลังของสภาพธรรมที่เป็นกุศล ซึ่งสามารถที่จะทำให้เป็นไป คือ ทำให้หมดกิเลสได้

~ สำหรับทุกคน ไม่มีอะไรที่จะดี ประเสริฐเท่ากับคุณความดี เพราะฉะนั้น ก็เตือนแล้วใช่ไหมว่า คนที่จากไป เป็นใครก็ตามแต่ แต่ที่เป็น นั่น ก็มาจากชาตินี้และชาติก่อนๆ ที่สะสมมา เหมือนเราทุกคนที่อยู่ตรงนี้ มาจากไหน ก็มาจากแต่ละชาติที่สะสมจนถึงชาตินี้ และชาตินี้ทั้งชาติก็สะสมที่จะปรุงแต่ง สำหรับคนที่จะเกิดต่อจากชาตินี้ เพราะฉะนั้น ก็เป็นการเตือนให้รู้ว่า ความดี ดีกว่าอย่างอื่น

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๖๙

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย j.jim  วันที่ 23 ก.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย panasda  วันที่ 24 ก.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย meenalovechoompoo  วันที่ 24 ก.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย jaturong  วันที่ 24 ก.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ