
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การศึกษาก็มีลำดับ ความเข้าใจก็มีลำดับ ... ต้องตรงต่อความจริงเพราะพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงตามลำดับคือเดี๋ยวนี้มีเราหรือมีธรรมะ ... มีธรรมะ เปลี่ยนไม่ได้เลย ... ฟังทุกคำต้องรู้ว่าเป็นธรรมะแต่ละหนึ่ง เห็นเดี๋ยวนี้มีจริงแน่นอน เห็นเป็นธรรมะแน่นอน เห็นเกิดและดับ จิตเกิดก่อนเห็นไม่เห็น จิตเกิดหลังเห็นไม่เห็น แต่เหมือนเห็นตลอดเวลา เพราะฉะนั้นธรรมะไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง ... ความจริงไม่มีเราเห็น ไม่มีคนที่ถูกเห็น ... มีแต่ธรรมะ แต่เห็นก็ยังเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ... ต้องตรงต่อความจริง
ก่อนโกรธไม่มีโกรธ โกรธเกิดขึ้นไม่สบาย โกรธเป็นไม่สบายหรือเปล่า ... ไม่สบายเป็นโกรธหรือเปล่า ... โกรธต่างกับไม่สบาย โกรธมีจริงๆ ไม่สบายมีจริงๆ โกรธเป็นโกรธ ไม่สบายใจเป็นความรู้สึกไม่สบายใจ
หกล้มเจ็บไหม ... อะไรเจ็บ?? ขาเจ็บหรือเปล่า?? ขาไม่เจ็บ ... ขาเป็นอะไร? เดี๋ยวนี้มีขาไหม ... ขาเจ็บไหม ... ไม่เจ็บเพราะขาเป็นแข็งไม่ใช่เจ็บ!!!
เดี๋ยวนี้มีฟันหรือมีแข็ง ... มีแข็ง เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีแข็ง ... ไม่มีฟัน เพราะฉะนั้นแข็งอยู่ในปากบอกว่าเป็นฟัน ... แข็งนอกปากเป็นฟันหรือเปล่า? เพราะฉะนั้นแข็งเป็นธรรมะ ... ไม่มีเรามีธรรมะเท่านั้น ... จะรู้เมื่อไหร่ว่าแข็งเป็นธรรมะ?!
ปริยัติเป็นความเข้าใจถูกต้องว่าสิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรมะแต่ละหนึ่ง ... เข้าใจอย่างนี้หรือยัง ... จนกว่ารู้ตรงแข็งเดี๋ยวนี้กำลังรู้ตรงแข็งหรือเปล่า?!
"รู้แข็งกับรู้ว่าแข็งมีจริงๆ เป็นแข็ง" อะไรเป็นปริยัติ?? ทุกคนรู้ว่าแข็งแน่ๆ เวลากระทบแข็ง แต่ไม่เคยรู้ว่าแข็งต้องเกิดและดับ เพราะฉะนั้นแข็งจะเป็นอะไรไม่ได้ถ้าไม่จำและไม่คิด การฟังเพื่อละการไม่รู้ เดี๋ยวนี้แข็งปรากฏกับปัญญาหรืออวิชชา?? จนกว่าจะรู้ว่าเมื่อไหร่ปรากฏกับปัญญา ... ยากไหม?? เพราะฉะนั้นต้องฟัง ต้องเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย ... เข้าใจพอหรือยัง?? ควรเข้าใจอะไรอีกตามที่ได้ฟังมาแล้ว?? ... รู้ได้โดยยาก ... กำลังสรรเสริญพระปัญญาของพระพุทธเจ้า
”สนทนาธรรมไทย-เขมร“
วันเสาร์ 3 พ.ค. 68
(ภาคบ่าย ช่วงหลัง)
ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
ลิงก์ Facebook ... คลิกที่นี่
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ