สนทนาพระสูตร เสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2557

@ ฟังเป็นเรื่องราว ฟังว่าละโลภะ แต่รู้จักโลภะหรือยัง แล้วจะละได้อย่างไร
@ ฟังด้วยความเคารพในพระธรรม คือ ต้องละเอียด ไม่ใช่มีตัวเราที่จะไปเพียร ไปละ กิเลส เพราะ ธรรมเป็นอนัตตา
@ ถ้ากลาวถึงสิ่งที่มีจริง ที่กล่าวว่าเป็นธรรม เป็นคำดี
@ เห็นดอกไม้ชอบไหม คะ ชอบสิ่งที่ไม่จริง และก็จำไว้อีก แล้วยังต่อเรื่องที่ไม่จริง อ่าน หนังสือนวนิยาย มีใครที่ไหน เป็นแค่ตัวหนังสือ แต่เรื่องมาก เป็นคนนั้น ทำอย่างนั้น อย่างนี้

@ คำใดก็ตามที่เป็นคำจริง ที่มีประโยชน์ คือ รู้จักโลภะก่อน ไม่ใช่จะละโลภะโดยที่ไม่ เห็นโลภะ จะละได้อย่างไร พระธรรมของพระพุทธเจ้า จึงเป็นสัจจธรรม นานแสนนาน กว่าที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ในสิ่งที่มีในชีวิตประจำวัน แต่เหมือนอยู่ในความมืด ที่ไม่รู้ความ จริง แต่การเข้าใจถูกว่าเป็นธรรมเหมือนแสงสว่าง ที่ทำให้รู้ความจริง
@ ขณะนี้ก็เป็น ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสได้ฟัง แต่ต้องเป็นผู้ที่ตรงว่า โลภะไม่ ปล่อยตามไปได้ทุกภพภูมิ
@ ธรรมเป็นปกติ แต่ผิดปกติด้วยความต้องการ ดังนั้น ปกติ คือ เกิดขึ้นและดับไปไม่ เหลือเลย

@ เดี๋ยวนี้เริ่มเข้าใจธรรมหรือยัง เข้าใจยังน้อย แต่สามารถค่อยๆ เข้าใจได้ และทุกคน เริ่มรู้หนทางแล้วใช่ไหม คะ ฟังไว้ให้เข้าใจว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ค่ะ
@ ติดข้องไว้ โดยไม่ฟังไว้ ไม่เข้าใจไว้ ยิ่งแย่ เพราะฉะนั้น การละกิเลสง่ายไหม ใครคิด ว่าง่ายผิด ใครไปทำอย่างอื่น ซึ่งผิดปกติ ก็ผิด
@ อยากที่จะไม่ชอบ ก็อยากแล้ว แต่ให้เข้าใจว่าบังคับไม่ได้ แต่เห็นโทษว่าชอบจึง วุ่นวาย เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่ไม่ให้อยาก แต่ต้องเข้าใจถูกว่า ต้องไม่มีการเกิดอีกเลย

@ ไม่อยากเกิด แล้วคนนั้นกำลังหิวไหม แล้วคนนั้น อยากรับประทานอาหารไหม อยากแล้ว
@ ฟังธรรมแล้วเข้าใจว่าเป็นธรรมหรือเปล่า แม้ขณะที่บังคับก็ไม่รู้ว่าเป็นธรรม
@ เดี๋ยวนี้มีดอกไม้ แสวงหาความจริงหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ควรแสวงหาความจริงของ สิ่งที่มี คือ เป็นสิ่งที่ปรากฎให้เห็นได้ นี่คือความจริง เป็นการแสวงหาความจริง

@ อกุศลเกิดขึ้นเป็นปกติ เป็นปกติหรือเปล่า คะ เป็นธรรมดา ธรรมดาความเป็นไปของ ธรรม มีเหตุปัจจัยก็ต้องเกิด แล้วแต่สภาพธรรม
@ ตราบใด ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรม ขณะนั้น ไม่ใช่หนทาง การละโลภะไม่ ใช่ให้เกิดชั่วคราวแต่ เป็นหนทางที่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก
@ ชีวิตกำลังเดิน ไม่ย้อนกลับมาอีกเลย สิ่งที่เกิดแล้วดับไปแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย
ขอบคุณและอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
@ คำใดก็ตามที่เป็นคำจริง ที่มีประโยชน์ คือ รู้จักโลภะก่อน ไม่ใช่จะละโลภะโดยที่ไม่ เห็นโลภะ จะละได้อย่างไร พระธรรมของพระพุทธเจ้า จึงเป็นสัจจธรรม นานแสนนาน กว่าที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ในสิ่งที่มีในชีวิตประจำวัน แต่เหมือนอยู่ในความมืด ที่ไม่รู้ความ จริง แต่การเข้าใจถูกว่าเป็นธรรมเหมือนแสงสว่าง ที่ทำให้รู้ความจริง ค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ด้วยความเคารพยิ่ง จาก ใหญ่ราชบุรี-ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ