อธิบายกถาวัตุ ๑๐ [เมฆิยสูตร]
โดย JANYAPINPARD  14 ต.ค. 2553
หัวข้อหมายเลข 17351

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 397

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปฺปิจฺโฉ แปลว่า ผู้ไม่ปรารถนา. กถาแห่งอัปปิจฉะนั้น ชื่อว่า อัปปิจฉกถา หรือกถาที่เกี่ยวด้วยความเป็นผู้มักน้อย ชื่อว่า อัปปิจฉกถา ก็ในที่นี้ ว่าด้วยอำนาจความปรารถนา มีบุคคล ๔ จำพวก คือ อตฺริจฺโฉ ผู้ปรารถนายิ่งๆ ขึ้น ๑ ปาปิจฺโฉ ผู้ปรารถนาลามก ๑ มหิจฺโฉ ผู้มักมาก ๑ อปฺปิจฺโฉ ผู้มักน้อย ๑ บุคคลเว้นโทษ มีความเป็นผู้ปรารถนาเกินไปเป็นต้นเหล่านี้ให้ห่างไกล แล้วมีความประสงค์ซ่อนคุณที่มีอยู่ และรู้จักประมาณในการรับชื่อว่าเป็นผู้มักน้อย.

บทว่า สนฺตุฏฐิ ในคำว่า สนฺตุฏฐิกถา นี้ ได้แก่ ความยินดีด้วยของๆ ตนคือด้วยของที่ตนได้มา ชื่อว่า สันตุฏฐิ. อีกอย่างหนึ่งการละความปรารถนาปัจจัยที่ไม่สม่ำเสมอ แล้วยินดีปัจจัยที่สม่ำเสมอชื่อว่า สันตุฏฐิ. อีกอย่างหนึ่ง ความยินดีด้วยของที่มีอยู่ คือปรากฏอยู่ ชื่อว่า สันตุฏฐิ. สมจริงดังคำที่ท่านกล่าวไว้ว่า ผู้ไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่เป็นอดีต ไม่บ่นถึงสิ่งที่เป็น อนาคต ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยสิ่งเป็นปัจจุบัน ท่าน เรียกว่า ผู้สันโดษ.

วิเวก ในบทว่า ปวิเวกกถา นี้ มี ๓ อย่าง คือ กายวิเวก ๑ จิตวิเวก ๑ อุปธิวิเวก ๑ ใน ๓ อย่างนั้น ความที่ภิกษุละความอยู่คลุกคลีด้วยหมู่แล้วอยู่สงัดในกิจทั้งปวงในทุกอิริยาบถอย่างนี้ คือ รูปหนึ่งเดิน รูปหนึ่งยืน รูปหนึ่งนั่ง รูปหนึ่งนอน รูปหนึ่งเข้าบ้านบิณฑบาต รูปหนึ่งกลับ รูปหนึ่งก้าวไป รูปหนึ่งอธิษฐานจงกรม รูปหนึ่งเที่ยวไป รูปหนึ่งอยู่ ชื่อว่ากายวิเวก. อนึ่ง สมาบัติ ๘ ชื่อว่า จิตวิเวก. พระนิพพาน ชื่อว่า อุปธิวิเวก. สมจริงดังคำที่ท่านกล่าวไว้ว่าก็สำหรับผู้ปลีกกายออกผู้ยินดีในเนกขัมมะ จัดเป็นกายวิเวก สำหรับผู้มีจิตบริสุทธิ์ถึงความผ่องแผ้วอย่างยิ่ง จัดเป็นจิตวิเวก สำหรับผู้หมดอุปธิกิเลสผู้ถึงวิสังขาร จัดเป็นอุปธิวิเวก วิเวกนั้นแหละ คือ ปวิเวก. กถาที่เกี่ยวด้วยความสงัด ชื่อว่า ปวิเวกกถา.



ความคิดเห็น 1    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 19 ต.ค. 2553

สังสัคคา ในบทว่า อสํสคฺคกถา นี้ ... ความที่ภิกษุละความคลุกคลีด้วยคฤหัสถ์อันไม่เป็นไปตามอนุโลม และความคลุกคลีอันเป็นเหตุเกิดกิเลส กับเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายที่ท่านกล่าวไว้อย่างนี้ว่า ภิกษุคลุกคลีด้วยคฤหัสถ์อยู่ มีความคลุกคลีอันไม่เป็นไปตามอนุโลม มีโศกด้วยกัน ยินดีด้วยกัน เมื่อเขาสุขก็สุข เมื่อเขาทุกข์ก็ทุกข์ ถึงความขวนขวายในกรณียกิจที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง ดังนี้ ทั้งหมดเสียได้ เข้าไปตั้งเฉพาะซึ่งธรรมทั้งปวง คือ ความสังเวชในสงสารอันมั่นคงกว่า ความสำคัญในสิ่งที่มีสังขารว่าเป็นภัย อย่างแรงกล้า ความสำคัญในร่างกายว่าเป็นสิ่งปฏิกูล มีหิริและโอตตัปปะ อันมีการเกลียดอกุศลทั้งหมดเป็นตัวนำ ทั้งมีสติและสัมปชัญญะในการกระทำทุกอย่าง แล้วไม่มีความติดข้องในธรรมทั้งปวง เหมือนหยาดน้ำไม่ติดบนใบบัวฉะนั้นนี้ ชื่อว่าอสังสัคคะเพราะเป็นปฏิปักษ์ต่อสังสัคคะทั้งปวง กถาอันเกี่ยวด้วยอสังสัคคะ ชื่อว่า อสังสัคคกถา

ในบทว่า วีริยารมฺภกถา นี้ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้. ภาวะแห่งบุคคลผู้แกล้วกล้าหรือกรรมแห่งบุคคลผู้แกล้วกล้า เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าวิริยะ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าวิริยะ เพราะอันบุคคลพึงดำเนินไป คือ พึงให้เป็นไปตามวิธี ก็ความเพียรนั้น คือ การเริ่มเพื่อละอกุศลธรรม (และ) ให้กุศลธรรมเกิดขึ้น ชื่อว่า วิริยารัมภะ ปรารภความเพียร วิริยารัมภะนั้น มี ๒ อย่าง คือ เป็นไปทางกาย ๑ เป็นไปทางจิต ๑ มี ๓ อย่าง คือ อารัมภธาตุ ๑ นิกกมธาตุ ๑ ปรักกมธาตุ ๑ มี ๔ อย่างด้วยอำนาจสัมมัปปธาน ๔. วิริยารัมภะทั้งหมดนั้น พึงทราบด้วยอำนาจการปรารภความเพียรอย่างนี้ของภิกษุผู้ไม่ให้กิเลสที่เกิดขึ้นในตอนเดินถึงในตอนยืน ที่เกิดในตอนยืนไม่ให้ถึงตอนนั่ง ที่เกิดขึ้นในตอนนั่งไม่ให้ถึงตอนนอน ข่มไว้ด้วยพลังความเพียรไม่ให้เงยศีรษะขึ้นได้ ในอิริยาบถนั้นๆ เหมือนคนเอาไม้มีลักษณะดังเท้าแพะกดงูเห่าไว้ และเหมือนเอาดาบที่คมกริบฟันคอศัตรูฉะนั้น. กถาอันเกี่ยวด้วยวิริยารัมภะนั้น ชื่อว่า วิริยารัมภกถา


ความคิดเห็น 2    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 19 ต.ค. 2553

ศีล ในบทว่า ศีลกถา เป็นต้น มี ๒ อย่าง คือ โลกิยศีล ๑ โลกุตรศีล ๑. ในศีล ๒ อย่างนั้น โลกิยศีล ได้แก่ ปาริสุทธิศีล ๔ มีปาติโมกขสังวรศีล เป็นต้น. โลกุตรศีล ได้แก่ มรรคศีล และผลศีล

สมาธิกถา .... อนึ่ง สมาบัติ ๘ พร้อมด้วยอุปจาระอันเป็นบาทแห่งวิปัสสนา ชื่อว่า โลกิยสมาธิ ก็ในที่นี้ สมาธิที่สัมปยุตด้วยมรรค ชื่อว่า โลกุตรสมาธิ

ปัญญกถา ฝ่ายปัญญาก็เหมือนกัน ที่สำเร็จด้วยการฟัง สำเร็จด้วยการคิดที่สัมปยุตด้วยฌานและวิปัสสนาญาณ จัดเป็น โลกิยปัญญา แต่ในที่นี้ เมื่อว่าโดยพิเศษ พึงยึดเอาวิปัสสนาปัญญา. ปัญญาที่สัมปยุตด้วยมรรคและผล จัดเป็น โลกุตรปัญญา.

วิมุตติกถา แม้วิมุตติ ก็ได้แก่วิมุตติอันสัมปยุตด้วยอริยผล และนิพพาน ฝ่ายอาจารย์อีกพวกหนึ่ง พรรณนาความในข้อนี้ไว้ ด้วยอำนาจแม้ตทังควิมุตติ วิกขัมภนวิมุตติ และสมุจเฉทวิมุตติ

แม้วิมุตติญาณทัสสนะ ก็ได้แก่ ปัจจเวกขณญาณ ๑๙. กถาอันเป็นไปด้วยอำนาจการประกาศโทษและอานิสงส์ มีอาการเป็นอเนกแห่งคุณมีศีลเป็นต้นเหล่านี้ พร้อมด้วยวิธีมีการชี้แจงเป็นต้น และด้วยอำนาจการประกาศโทษแห่งความเป็นผู้ทุศีลเป็นต้น อันเป็นข้าศึกต่อคุณมีศีลเป็นต้นนั้น หรือกถาอันเกี่ยวด้วยอานิสงส์และโทษของศีลนั้น ชื่อว่ากถาว่าด้วยศีล เป็นต้น


ความคิดเห็น 3    โดย ใหญ่ราชบุรี  วันที่ 8 เม.ย. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 17 ธ.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น