พระอรหันต์ ยังต้องเสวยเวทนา4 อย่างนี้เป็นความเห็นที่ถูกต้องมั๊ยครับ
โดย govit2553  5 ส.ค. 2553
หัวข้อหมายเลข 16870

เวทนา 5 (การเสวยอารมณ์ — feeling) 1. สุข (ความสุข ความสบายทางกาย — bodily pleasure or happiness) 2. ทุกข์ (ความทุกข์ ความไม่สบาย เจ็บปวดทางกาย — bodily pain; discomfort) 3. โสมนัส (ความแช่มชื่นสบายใจ, สุขใจ — mental happiness; joy) 4. โทมนัส (ความเสียใจ, ทุกข์ใจ — mental pain; displeasure; grief) 5. อุเบกขา (ความรู้สึกเฉยๆ — indifference)


ความคิดเห็น 1    โดย prachern.s  วันที่ 5 ส.ค. 2553

ถูกต้องครับ

พระอริยบุคคลระดับสูงคือ พระอนาคามี และพระอรหันต์ มีเวทนาเกิดกับจิตของท่าน รวมทั้งหมด ๔ เวทนา ไม่มีโทมนัสเวทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 5 ส.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 6 ส.ค. 2553

ขออนุญาตเรียนถามท่านวิทยากรว่า

ความสุขใจของพระอรหันต์นั้นมีลักษณะอย่างไรครับ

ที่ใช้ภาษาอังกฤษว่า Mental happiness, joy นั้น

จะอยู่ในนัยนี้ด้วยหรือไม่ครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย prachern.s  วันที่ 6 ส.ค. 2553

สุขใจของพระอรหันต์ เป็นความสุขในธรรม สุขเพราะได้ดับกิเลสหมดแล้วหรือสุขโสมนัสเพราะได้เห็นพระคุณของพระพุทธเจ้า หรือโสมนัสเพราะเห็นภพภูมิ ที่ทุกข์ทรมาน และท่านพ้นแล้ว จากสภาพทุกข์ทรมานนั้นแล้ว หรือเกิดสุขโสมนัส พราะได้เห็นผู้อื่นบรรลุธรรม และสุขในฌานขั้นต่างๆ เป็นต้น


ความคิดเห็น 5    โดย ชีวิตคือขณะจิต  วันที่ 7 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 6    โดย ผิน  วันที่ 7 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย hadezz  วันที่ 7 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย wannee.s  วันที่ 7 ส.ค. 2553

ในพระไตรปิฏกก็มีแสดงไว้ ตอนที่ท่านยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ท่านเคย

เป็นพระราชา มีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ท่านก็ไม่มีความสุข ภายหลังท่านออก

บวช บรรลุเป็นพระอรหันต์ ท่านก็มีความสุข สุขจากการไม่มีกิเลส ฯลฯ

ปุถุชน ขณะที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นก็มีความสุข เพราะสงบจากกิเลสชั่วขณะ


ความคิดเห็น 9    โดย ไพรสณฑ์  วันที่ 17 ส.ค. 2553

หลังการตรัสรู้ ในสัปดาห์ที่3......พระพุทธเจ้าประทับใต้ต้นจิก ทรงเปล่งอุทานปรารภ สุขอย่างยิ่งสี่ประการ ข้อหนึ่งคือการ...ละ "อัตตา".... ดังนี้ * * * ทรงเปล่งอุทานที่ต้นจิก * * * ครั้นครบ ๗ วันแล้ว ทรงออกจากสมาธินั้น เสด็จจากโคนไม้อชปาลนิโครธ ไปยังต้นจิก ประทับนั่งเสวยวิมุติสุข ณ โคนไม้จิกนั้นตลอด ๗ วัน ได้เกิดเมฆใหญ่ผิดฤดูกาล มีฝนตกพรำเจือด้วยลมหนาวตลอด ๗ วัน พญานาคชื่อมุจลินท์มาวงด้วยขนดรอบพระกายของพระผู้มีพระภาค ๗ รอบ เพื่อป้องกันหนาว ร้อน เหลือบ ยุง เป็นต้น * * * ทรงเปล่งอุทานปรารภสุข ๔ ประการ คือ

สุขเพราะความสงัด

สุขเพราะไม่เบียดเบียน

สุขเพราะปราศจากราคะ ก้าวล่วงกามเสียได้

..... และประการสุดท้าย สุดอย่างยอด คือการนำความถือตัวออกเสียได้

(เราอาจจะทำความสุขสี่ประการนั้นให้เกิดขึ้นได้โดยการทำไว้ในใจได้ด้วย)


ความคิดเห็น 10    โดย ภัสร์  วันที่ 8 ก.ย. 2553

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 11    โดย สามา  วันที่ 9 พ.ค. 2554

ขอบคุณในข้อธรรมมะที่นำมาลงใว้ให้พิจารณาค่ะ...สาธุ


ความคิดเห็น 12    โดย วินิจ  วันที่ 9 พ.ค. 2554

ทราบว่ากระบวนการ "ดับขันธ์ฯ" มีพระรูปหนึ่ง ตามวาระจิตของพระพุทธเจ้าซึ่งดำเนิน

ฌานไปจนสุดสายแล้วก็ย้อนกลับมา"ดับขันธ์"ตรงฌานที่4 อยากทราบว่าพระอรหันต์ต้องดำเนินตามกระบวนการนี้หรือไม่?เพราะอะไร?ถ้า"ดับขันธ์"ตรงฌานอื่นจะต้องกลับมาเกิดใหม่หรือไม่?จะ"ดับขันธ์ปรินิพพาน"จำเป็นต้องอยู่ในฌานหรือไม่?


ความคิดเห็น 13    โดย paderm  วันที่ 9 พ.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 12 ครับ

ไม่จำเป็นครับ เพราะพระอรหันต์มีทั้งผู้ที่ดับกิเลสเจริญวิปัสสนาและได้ฌานด้วย แต่พระ

อรหันต์บางประเภทท่าน ก็เจริญวิปัสสนาอย่างเดียว ไม่ได้เจริญสมถภาวนา เจริญฌานหรือได้ฌานครับ เพราะฉะนั้น พระอรหันต์ที่ไมไ่ด้ฌาน จุติของท่านก็ไม่จำเป้นต้องเข้าฌานออกฌาน เหมือนพระอรหันต์ที่ท่านได้ฌานครับ


ความคิดเห็น 14    โดย วินิจ  วันที่ 9 พ.ค. 2554

...ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ...


ความคิดเห็น 15    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 12 พ.ค. 2554
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ