ความรู้ยิ่ง 3 ประเภท - ความรู้ยิ่งโดยการรู้โดยการละ ตอนที่ 3-5 [สนทนาธรรมกับชาวต่างชาติ]
โดย wittawat  19 ก.ค. 2562
หัวข้อหมายเลข 31049

ความรู้ยิ่งโดยการละ (ปหานปริญญา) เป็นความรู้ยิ่งประเภทที่ 3 เมื่อปัญญาพิจารณาไตร่ตรองความสิ้นไปของนามและรูป และปัญญาสามารถที่จะยิ่งขึ้นในความดับไป ปัญญาก็จะสามารถสมบูรณ์ถึงความรู้ชัดในการดับไปของนามรูป (ภังคญาณ) ต่อจากนั้นปัญญาก็จะเริ่มที่จะละคลายความติดข้องมากขึ้นจากนามและรูป ปัญญาจะเริ่มละคลายความติดข้องเพราะว่าได้รู้ชัดยิ่งขึ้นถึงความไม่เป็นประโยชน์และความอันตรายของนามและรูป ความรู้ยิ่งโดยการละเริ่มขึ้นในขั้นของภังคญาณ และต่อเนื่องไปจนกระทั่งถึงความรู้ชัดในทาง (มรรคญาณ) เมื่อถึงการประจักษ์แจ้งอริยสัจจธรรม
ในชีวิตประจำวันของเรา มีปัจจัยปรุงแต่งที่จะให้เกิดอกุศลมากกว่าที่จะให้เกิดสติและความเข้าใจในลักษณะของสภาพธรรมตามปรกติที่ปรากฏ อกุศลธรรมเกิดขึ้นบ่อยมากและเพราะฉะนั้นก็จำเป็นที่จะสะสม องค์ธรรม 37 ประการที่นำไปสู่การตรัสรู้ หรือโพธิปักขิยธรรม องค์ธรรมเหล่านี้ซึ่งนำไปสู่การประจักษ์แจ้งอริยสัจธรรมทั้ง 4 ได้แก่ สติปัฏฐาน 4, ความเพียรชอบ 4 (สัมมัปธาน 4) , บาทหรือฐานแห่งความสำเร็จ 4 (อิทธิบาท 4) , ความเป็นใหญ่ในนามธรรม 5 (อินทรีย์ 5) , กำลัง 5 (พละ 5) , องค์ธรรมของการตรัสรู้ 7 (โพชฌงค์ 7) , และมรรคมีองค์ 8 องค์ธรรมที่นำไปสู่การตรัสรู้ควรที่จะอบรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลายาวนาน ซึ่งสามารถที่จะอบรมเจริญได้ทีละเล็กละน้อยเท่านั้น ไม่มีใครสามารถที่จะทำให้ปัญญาเกิดขึ้นโดยการประพฤติปฏิบัติด้วยหนทางเจาะจงอย่างเดียวหรือทำสิ่งๆ เดียวนานๆ ให้ปัญญาเกิด ปัญญาสามารถที่จะอบรมเจริญขึ้นได้โดยความเป็นปรกติในชีวิตประจำวัน โดยสติที่ระลึกลักษณะของสิ่งที่มีอยู่จริง ซึ่งไม่ใช่เรา เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัยเหมาะสมปรุงแต่งแล้วและดับไปอย่างรวดเร็วที่สุด สามารถที่จะมีสติเกิดได้ในสิ่งที่ปรากฏในขณะนี้ผ่านทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือทางใจ ใครรู้บ้างว่าขณะนี้ว่าสติปัฏฐานจริงๆ แล้วเป็นเช่นไร ผู้ใดรู้ว่าสิ่งใดที่กำลังปรากฏขณะนี้ผ่านทางปสาทรูปทั้ง 5 หรือผ่านทางมโนทวาร เป็นปรมัตถธรรม ที่ไม่ใช่ตัวตนหรือไม่ ถ้ายังไม่รู้อย่างนั้น ปัญญาในระดับของปริยัติควรที่จะอบรมเจริญขึ้นก่อน จำเป็นที่จะต้องฟังธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อที่คนจะมีความเข้าใจถูกในลักษณะของสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อที่คนจะมีความเข้าใจถูกต้องสอดคล้องกับความจริงที่พระองค์ประจักษ์แจ้งเมื่อถึงความเป็นพระพุทธเจ้า ผู้ที่ศึกษาควรที่จะมีความเข้าใจถูกต้องในข้อประพฤติปฏิบัติ ซึ่งเป็นการอบรมเจริญปัญญา เหตุที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะสามารถนำผลที่ถูกต้องมาได้ นั้นคือ ปัญญาที่เห็นสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา ปัญญาควรรู้ชัดว่าสิ่งที่มีจริงเกิดขึ้นและดับไปเป็นทุกข์ (ไม่น่าปรารถนา และไม่นำไปสู่ความสุข) และปัญญาควรที่จะรู้ยิ่งขึ้นในความเป็นไปของอนัตตาของธรรมที่ปรากฏในขณะนี้ ไม่มีหนทางอื่นที่จะธรรมตามความเป็นจริงนอกจากสติปัฏฐาน ซึ่งระลึกรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ศึกษาและพิจารณาไตร่ตรองลักษณะของธรรมที่ปรากฏเดี๋ยวนี้ ด้วยหนทางนี้ที่โสภณเจตสิกทั้งหลาย (นามธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตที่ดีงาม) นั้นจะสามารถอบรมเจริญขึ้นได้ และสามารถที่จะเป็นปัจจัยปรุงแต่งให้ปัญญามีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อที่ว่าวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ จะสามารถเกิดขึ้นได้

ข้อความนี้แปลจาก...The Three Kinds of Full Understanding - Full understanding of abandoning

อ่านตอนอื่นๆ ...กดลิ้งค์

1. ญาตปริญญา (ความรู้ยิ่งโดยการรู้) .....กดลิ้งค์
2. ตีรณปริญญา (ความรู้ยิ่งโดยการไตร่ตรอง) .....กดลิ้งค์
3. ปหานปริญญา (ความรู้ยิ่งโดยการละ) .....กดลิ้งค์
4. เหตุที่ถูกนำมาซึ่งผลที่ถูก.....กดลิ้งค์
5. สุกขะวิปัสสกะ และ เจโตวิมุตติ.....กดลิ้งค์



ความคิดเห็น 2    โดย Selaruck  วันที่ 20 ก.ค. 2562

กราบแทบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่ง ที่ถ่ายทอดพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ได้แจ่มแจ้งยิ่ง

กราบอนุโมทนา