เคยอ่านหนังสือธัมมะของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต เล่มหนึ่ง ท่านกล่าวไว้ว่า การมีความอยากดี เป็นฉันทะ แต่ผมก็ยังไม่ค่อยชัดเจน เพราะเหตุว่าจากที่ฟัง อ.สุจินต์ ท่านว่าความอยาก (ติดข้อง) ทั้งหลายต่างเป็นโลภะ จึงเกิดความสับสนครับ
ขอผู้รู้โปรดชี้แนะด้วยครับ
ฉันทะ เป็นปกิณณกเจตสิก เกิดร่วมกับกุศลหรืออกุศลก็ได้ ฉันทะเป็นความพอใจในการกระทำ
ส่วน โลภะ เป็นความติดข้อง ความต้องการ แม้ติดข้องในความดีก็เป็นโลภะ
อีกอย่างหนึ่ง ฉันทะเกิดร่วมกับโลภะก็ได้ ซึ่งยากที่จะแยกธรรมทั้งสองประเภทนี้ว่าขณะไหนเป็นฉันทะหรือโลภะ โดยทั่วไปเพียงกล่าวตามปริยัติธรรมเท่านั้น แต่ลักษณะเป็นอย่างไร ลักษณะจริงๆ ต้องรู้ด้วยสติสัมปชัญญะของผู้นั้น
ขอบคุณครับ ขออนุโมทนา ...
ฉันทะ เป็นเจตสิกที่เกิดได้ทั้งกุศลจิตและอกุศล โลภเจตสิกจะไม่เกิดกับกุศลจิต เกิดกับอกุศลจิตได้
ฉันทะ หมายถึงความอยาก ใคร่ที่จะทำตามต้องการ
โลภะ หมายถึงความต้องการ แต่มีความติดข้อง
เราลองมาพิจารณาให้ดีถึงฉันทะกับโลภะ ที่คุณกล่าวคำกล่าวหนึ่งว่า "การมีความอยาก ใคร่ที่จะทำสังฆทาน (เพราะว่ามีอานิสงส์มาก)
นั่นเป็นความติดข้อง เช่น มีความอยากได้ผลของกุศล แต่พอได้พระไม่เรียบร้อย ก็เกิดโทสะ สังเกตง่ายๆ โลภะจะเป็นปัจจัยให้เกิดโทสะนั่นเอง แต่ฉันทะการใคร่ที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นกุศลก็ได้ อกุศลก็ได้ ขณะที่โลภะจะเกิด ฉันทะก็เกิดด้วย
แต่ขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้นนั้น มีฉันทะด้วย แต่ไม่มีโลภะ ยกตัวอย่างฉันทะที่เป็นไปในกุศล เช่น อยากที่จะฟังธัมมะเพราะเห็นประโยชน์ของพระธรรม นี่เป็นฉันทะที่เป็นไปในกุศล แต่ถ้าอยากฟังธัมมะเพราะต้องการรู้เยอะๆ จะได้เก่งหรือเพื่อตอบคนอื่นได้ หรือต้องการให้สติเกิด นั่นเป็นความติดข้อง เป็นฉันทะที่เกิดกับอกุศลจิตคือ โลภะ ครับ
บางคนมีฉันทะในกุศล เช่น ชอบเลี้ยงสุนัขจรจัด ชอบช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก เป็นต้น
ส่วนโลภะ ก็ติดในการทำกุศลและหวังผลของกุศล ว่า ทำแล้วตายไปสู่สุคติภูมิ เป็นต้น
ขอบคุณครับ ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอเรียนถาม.
๑. อกุศลเป็นเหตุให้เกิดกุศลได้ กุศลเป็นเหตุให้เกิดอกุศลได้ หมายความว่าอย่างไร กรุณายกต้วอย่าง
๒. ตัวอย่างเช่น อยากพ้นทุกข์ เป็นเหตุให้ศีกษาธรรมะ เมื่อเข้าใจธรรมะจึงเกิดกุศล ถูกตัองหรือไม่
กรุณาแนะนำด้วยค่ะ
๑. อกุศลเป็นปัจจัยให้เกิดกุศลได้ โดยปัจจัยต่างๆ เช่น อารัมมณปัจจัย อกุศลเป็นอารมณ์ของกุศลจิตได้ โดยปกตูปนิสสยปัจจัย อกุศลธรรมที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยให้กุศลธรรมที่เกิดหลังๆ ได้ ...
๒. เพราะเห็นโทษของอกุศล จึงศึกษาอบรมเจริญปัญญาเพื่อพ้นจากอกุศล หรือเพราะอยากได้บุญ จึงทำบุญ เพราะอยากเกิดในสวรรค์จึงทำบุญ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ
ขอบพระคุณ และยินดีในกุศลค่ะ
อยากขอคำชี้แนะ ตอนนั้นผมเป็น แต่ผมเข้าใจว่า ฉันทะ เป็น โลภะ (ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้มาก) ผมเลยเข้าใจในตอนนั้นว่า แบบนี้ต้องละ ฉันทะ จากปกติที่เป็นคนค่อนข้างขี้เกียจ ตอนนี้ยิ่งแย่กว่าเดิม อยากได้คำชี้แนะเพื่อให้มีความกระตือรือร้นมากขึ้นนะครับ
โลภะ ต่างกับ ฉันทะ
“โลภะ” คืออะไร ต้องรู้ก่อนว่าคืออะไร โลภะมีหรือเปล่า หรือมีแต่ชื่อ ลักษณะของโลภะเป็นอย่างไร
สภาพธรรมที่คล้ายกันมี ๒ อย่าง ฉันทะ ความพอใจที่จะทำกุศล ไม่ใช่โลภะ และโลภะ ความติดข้อง พอใจ ยึดมั่น ต่างกับลักษณะของฉันทะ
ฉันทเจตสิกเกิดร่วมกับโลภเจตสิกได้ แต่ฉันทะไม่ใช่โลภะ
เวลาที่เราชอบอย่างหนึ่งอย่างใด สิ่งหนึ่งสิ่งใด อย่างบางคนไปห้างสรรพสินค้าทีไร ก็ไปทางฝ่ายเครื่องเขียน ต้องการปากกา แต่กว่าจะได้สักด้ามหนึ่ง ดูแล้วดูอีก สีแล้วสีอีก อย่างนั้นอย่างนี้ นี่คือความติดข้องจริง แต่ก็มีฉันทะที่มีความต้องการในสิ่งที่พอใจนั้นด้วย เพราะฉะนั้น ลักษณะของฉันทะกับโลภะก็ต่างกัน
สภาพธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศลจะเกิดร่วมกัน แต่สภาพธรรมที่เป็นกุศลจะเกิดร่วมกับอกุศลไม่ได้ ฉันทะเป็นกลาง เกิดกับกุศลก็ได้ อกุศลก็ได้ ใครชอบบูชาพระด้วยดอกไม้อะไร เป็นกุศล แต่มีฉันทะไหม ดอกบัว หรือดอกมะลิ หรือดอกกุหลาบ
โลภะเป็นความติดข้อง ลักษณะที่ติดข้อง เป็นลักษณะของโลภะ ลักษณะของฉันทะ คือ ความพอใจที่จะกระทำ กุศลก็ได้ อกุศลก็ได้
ขณะใดที่โลภะเกิด มีฉันทเจตสิกเกิดร่วมด้วย แต่ละครั้งที่โลภะเกิด โลภะจะแจกออกไปตามฉันทะ
กุศลเกิด ไม่ดับไม่ได้ สภาพธรรมเกิด แล้วก็ดับไป แล้วตราบใดที่ยังมีโลภะอยู่ ก็มีปัจจัยให้โลภะเกิดต่อได้ทันทีด้วย
ถ้ายังคงมีปัจจัยให้โลภะเกิด โลภะต้องเกิด ยังไม่ได้ดับปัจจัยที่ทำให้โลภะเกิด
แล้วอะไรจะชนะโลภะได้ ต้องเป็น ปัญญา
ปัญญาที่รู้ความจริง รู้ว่าไม่ใช่ตัวตน เป็นธรรมทั้งหมด พอใจก็เป็นธรรม ไม่พอใจก็เป็นธรรม ทุกอย่างเป็นธรรม
ทุกครั้งที่มีโลภะ ต้องมีฉันทะเจตสิกเกิดร่วมด้วย
ต้องรู้ว่า จิตมีกี่ประเภท ที่เป็นอกุศล เป็นโลภมูลจิต โทสมูลจิต โมหมูลจิต ฉันทะเกิดร่วมกับโลภะได้ เกิดร่วมกับโทสะได้ และขณะที่โลภะ โทสะเกิด ก็มีโมหะเกิดร่วมด้วย แต่จิตที่ไม่มีโลภะเกิดร่วมด้วย ไม่มีโทสะเกิดร่วมด้วย มีแต่โมหะ ขณะนั้นจะไม่มีฉันทเจตสิกเกิดร่วมด้วย อันนี้ก็เป็นเรื่องละเอียด เป็นชีวิตประจำวัน ถ้าเราเข้าใจ ก็จะเห็นว่า ไม่ใช่เราทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นขณะไหน ... พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 280
รับฟัง ...
ฉันทะ-โลภะ (๑)
ฉันทะ-โลภะ (๒)
ฉันทะและโลภะ
ลักษณะของ "ฉันทะ" ในการเจริญกุศลจึงต่างกับลักษณะของ "โลภะ" ผู้ที่ไม่ได้อบรมเจริญสติปัฏฐานไม่สามารถรู้ชัดในลักษณะที่ต่างกันของฉันทะและโลภะ เวลาที่อยากเจริญกุศลก็เป็นไปด้วยความต้องการ คือ ต้องการกุศลบ้าง หรือต้องการอานิสงส์ คือ ผลของกุศลบ้าง ยังไม่สามารถที่จะทิ้งโลภะ หรือความต้องการได้ เพราะรู้ว่า ถ้าทำกุศลแล้วย่อมได้รับผลของกุศล ใจที่มุ่งหวังผลของกุศลนั้นเป็นโลภะ ต่างกับผู้ที่มีฉันทะในการอบรมเจริญกุศล ซึ่งไม่ใช่ต้องการกุศลด้วยโลภะ แต่เป็นความพอใจที่จะเจริญกุศลโดยไม่หวังผล เพราะเป็นอัธยาศัยจริงๆ จึงเป็นฉันทะในการอบรมเจริญกุศล ไม่ใช่โลภะที่จะเจริญกุศล
..จากหนังสือ "เมตตา" เปิดอ่าน --> คลิกที่นี่