ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร
โดย Guest  2 ก.ค. 2557
หัวข้อหมายเลข 25048

ชีวิตจริง ยิ่งกว่าละคร

จากการสนทนาธรรมวิชาการ ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

วันที่ 28 มิถุนายน 2557

ละคร ก็คือ การแสดงของชีวิต ตัวละคร แต่ละบท แต่ละฉาก ซึ่งขณะที่ดู ก็เหมือนกับชีวิตจริง เหมือนมีเรื่องราวจริงๆ จนบางครั้งก็มีการกล่าวว่า ละคร หนัง ก็ทำมาจาก ชีวิตจริง

ท่านอาจารย์สุจินต์ ได้กล่าวถึง ละคร หนัง ที่เราดูกันว่า อะไรที่น่าดู และควรรู้กว่ากัน ระหว่าง ละคร และ ชีวิตจริง นั่น คือ ชีวิตจริง เพราะเป็นสิ่งที่มีจริงที่เป็นสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก รูป ที่เกิดขึ้นเป็นไป ควรรู้ความจริงของชีวิตจริง ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ชีวิตจริง ยิ่งกว่าละครมากมาย ด้วยเหตุผลที่ท่านอาจารย์สุจินต์อธิบายไว้ว่า แม้จะกล่าวว่า ละคร ก็เอาเรื่องจริงมาเล่น แต่ แท้ที่จริง ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร เพราะชีวิตจริง มีความหลากหลาย วิจิตรยิ่งกว่า เพราะเป็นการเกิดขึ้นของจิต เจตสิก รูป ที่อาศัยเหตุปัจจัย และ การสะสมมาในอดีต ไม่ใช่เพียงชาติก่อน แต่ นับชาติไม่ถ้วน แสนโกฏิชาติ เพราะฉะนั้น จึงเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในชีวิต เหมือนจะน่าอัศจรรย์ บังเอิญ แต่แท้ที่จริง เพราะอาศัยสภาพธรรมที่สะสมมาในอดีต โดยปัจจัยต่างๆ มากมาย ทำให้เกิดสภาพธรรมต่างๆ เป็นไป แตกต่างกันไป แต่ละคน แต่ละหนึ่ง อย่างน่าอัศจรรย์ อัศจรรย์ เพราะสภาพธรรมที่หลากหลาย เพราะฉะนั้น ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร อย่างมากมาย ละคร มีผู้กำกับ ให้ตัวแสดง แสดงเป็นไปตามผู้กำกับ ชีวิตจริง มีผู้กำกับ ทีมงาน คอยให้ ชีวิตจริงของสัตว์โลกเป็นไป ตามบท ตามการเกิดขึ้นของจิต เจตสิก ซึ่งผู้กำกับของชีวิตจริง ก็คือ กรรม และ อวิชชา เพราะอาศัย กรรมในอดีต ทำให้มีการเกิดมีการเห็น ได้ยิน ได้พบสิ่งต่างๆ ตามกรรมที่ได้ทำมา ไม่มีคำว่าบังเอิญ และ เพราะอาศัยอวิชชา ที่เป็นผู้กำกับ ที่ทำให้มีการเกิด วนเวียนไป เป็นชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุด ประสบสุข ทุกข์ ตาม กรรม และ กิเลส ทำให้เป็นไป ละครยังมีวันจบ แต่ ชีวิตจริง คือ การเกิดขึ้นของจิต เจตสิก รูป ของผู้ที่ไม่ได้อบรมปัญญา ไม่มีคำว่าจบ ที่เรียกว่า สังสารวัฏฏ์ คือ การสืบต่อของสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิกเกิดขึ้นไม่ขาดสาย ชีวิตจริงของการไม่ได้อบรมปัญญา จึงไม่มีที่สิ้นสุดเลย

เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรรู้ คือ การเข้าใจชีวิตจริง เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งจะมีได้ด้วยการฟัง ศึกษาพระธรรมไปตามลำดับ อยู่กับชีวิตจริงด้วยความเข้าใจถูกว่าเป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่เรา ย่อมถึง การละชีวิต ไม่มีการเกิดขึ้นของชีวิต คือ จิต เจตสิก ที่จะนำมาซึ่งทุกข์อีกเลย สมดังที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย และ พระพุทธเจ้าทรงแสดงหนทางและ ท่านเหล่านั้นก็ละชีวิต สังขาร ดับขันธปรินิพพานไปจนหมดสิ้น อันเป็นความสุขที่แท้จริงของชีวิต และ นั่นก็เป็นชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร ที่จบลงด้วยความสุขที่แท้จริง



ความคิดเห็น 1    โดย thassanee  วันที่ 2 ก.ค. 2557

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย peem  วันที่ 2 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 2 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย j.jim  วันที่ 2 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย papon  วันที่ 2 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย ปวีร์  วันที่ 2 ก.ค. 2557

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย thilda  วันที่ 2 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย siraya  วันที่ 3 ก.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย orawan.c  วันที่ 3 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย ดวงทิพย์  วันที่ 4 ก.ค. 2557
สาธุและขออนุโมทนาด้วยคะ

ความคิดเห็น 11    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 4 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 3 ม.ค. 2568

ยินดีในกุศลจิตครับ