สำหรับวันนี้ก็จะได้กล่าวถึงใน มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสถ์ ภิกขุวรรค จูฬราหุโลวาทสูตร เพื่อจะให้ท่านผู้ฟังได้พิจารณาเห็นว่า ชีวิตของบรรพชิตนั้นก็เป็นชีวิตปกติ ณ พระวิหารเวฬุวัน ในเขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นท่านพระราหุลอยู่ ณ ปราสาท ชื่อว่า ปราสาทอัมพลัฏฐิกา พระผู้มีพระภาคได้ให้ท่านพระราหุลพิจารณาชำระกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม โดยที่พระองค์ตรัสสอนท่านพระราหุลว่า
บุคคลผู้ไม่มีความละอายในการกล่าวมุสา ทั้งที่รู้อยู่ ที่จะไม่ทำบาปกรรมแม้น้อยหนึ่ง ไม่มี เพราะเหตุนั้นแหละ ราหุล เธอพึงศึกษาว่า เราจักไม่กล่าวมุสา แม้เพราะหัวเราะกันเล่น
ดูกร ราหุล เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล ดูกร ราหุล เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน แว่นมีประโยชน์อย่างไร
ท่านพระราหุลก็กราบทูลว่า มีประโยชน์สำหรับส่องดูพระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ฉันนั้นก็เหมือนกันแล ราหุล บุคคลควรพิจารณาเสียก่อน แล้วจึงทำกรรมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
เป็นเรื่องธรรมดา ทำไมพระผู้มีพระภาคจะต้องทรงโอวาทท่านพระราหุลอย่างนี้ ก็เพราะเหตุว่ามิได้ทรงบังคับ มิได้ทรงจำกัดว่าจะต้องเจริญสติปัฏฐานอยู่ในสถานที่นั้นสถานที่นี้ ไม่ว่าชีวิตปกติของท่านพระภิกษุแต่ละท่าน ท่านจะดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไร ถ้าสิ่งนั้นไม่อุปการะแก่สติ พระผู้มีพระภาคก็ทรงอนุเคราะห์โดยการทรงแสดงธรรม เพื่อที่จะให้ผู้นั้นได้เจริญสติมากขึ้น ชีวิตของบรรพชิต ก็เป็นชีวิตที่มีสัทธาที่จะประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย แต่ว่าก็เป็นชีวิตจิตใจของปุถุชนนี่เอง เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นปุถุชนไม่ว่าจะเป็นฆราวาส หรือไม่ว่าจะเป็นบรรพชิต เคยรู้ตัวบ้างไหมคะ ว่ามีกิเลสมากน้อยสักเท่าไร ถ้าดูคนอื่นอาจจะเห็นชัดว่า คนอื่นนั้นกิเลสมากเหลือเกิน แต่ว่าตัวเองความสลับซับซ้อน ความซ่อนอย่างลึกของกิเลส ซึ่งอาจจะยังไม่ทันเอ่ยออกมาทางวาจา หรือว่ายังไม่ประพฤติเป็นไปทางกายก็ตาม แต่ใครจะรู้ถ้าไม่มีการเจริญสติปัฏฐาน ไม่รู้แน่นอนที่สุด เพราะเหตุว่าไม่ได้พิจารณาตัวเอง แต่ว่าผู้ที่พิจารณาตัวเอง และมีการเจริญสติปัฏฐานนั้น ผู้นั้นไม่ใช่เพียงแต่จะเห็นกิเลสของตัวเอง แต่ยังรู้ว่าสภาพธรรมนั้น ว่าก็เป็นแต่เพียงนามหรือรูปที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวตน ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 19
เปิดฟัง ... ภิกขุวรรค จูฬราหุโลวาทสูตร