การรักษาศีล 5
โดย litarn  29 ม.ค. 2550
หัวข้อหมายเลข 2737

เคยตั้งใจอยากรักษาศีล ๕ ให้ได้ เมื่อพิจารณาถึงศีลทั้ง ๕ ข้อ อันได้แก่ ห้ามฆ่า สัตว์ ห้ามลักทรัพย์ ห้ามพูดปด ห้ามดื่มสุรา และเสพของมึนเมา และห้ามประพฤติผิดในกาม ดูเหมือนทุกข้อจะสามารถทำได้ ยกเว้นเพียงข้อห้ามพูดปด ที่มันช่างซับซ้อนกับการดำเนินชีวิตจริง ยกตัวอย่างว่า ดิฉันมีเพื่อนที่ชอบ ขอยืมเงิน แต่ไม่ค่อยใช้คืน บางครั้งพอทวงถามก็ทำเป็นลืมบ้าง ปฏิเสธว่าจะใช้คืนให้วันหลัง แล้วก็ลืมไปเลย จนทำให้ดิฉันเหนื่อยใจ พอระยะหลังที่เขามาขอยืมเงิน ทำให้ต้องโกหกว่าไม่มี เป็นอย่างนี้ ดิฉันก็ไม่สบายใจที่ต้องโกหกเขาเสมอ ที่สำคัญต้องเจอเขาทุกวัน และเขาก็ตื๊อมากๆ เพราะทำงานที่เดียวกัน เป็นอย่างนี้ทำให้การรักษาศีล ๕ เป็นอันต้องขาดไป คำถามคือ การโกหกบางอย่าง เพื่อให้ตัวเองพ้นจากความทุกข์ใจบางประการ จะเป็นบาปไหม และดิฉันควรแก้ไขปัญหานี้อย่างไร



ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 29 ม.ค. 2550

เรื่องศีลข้อที่สี่ มุสาวาท การพูดคำไม่จริง เป็นเรื่องที่หลายคนรักษายากและลำบากใจแต่ทางออกไม่ใช่การโกหกเพื่อให้พ้นจากความทุกข์ใจบางประการ ควรเป็นผู้สะสมการมีสัจจะ คือการพูดจริง ส่วนการแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าในเรื่องการถูกเพื่อนขอยืมเงินอาจมีวิธีหลายๆ วิธี แต่ไม่ควรพูดเท็จ เช่น การบอกไปว่ามีไว้สำหรับใช้ ไม่มีให้ยืม หรือเขาถ้าขอจะยืมจริงๆ เราอาจให้เขาเขียนเป็นลายลักอักษรมาเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ถ้าภายหลังมาขอยืมอีก เราก็บอกว่าหนี้เก่ายังไม่ได้ใช้ จะให้ยืมของใหม่ไม่ได้ เป็นต้น สรุปคือ ไม่ควรโกหก ควรพูดคำจริง พระอริยบุคคลทั้งหลายท่านไม่พูดโกหกแม้เนื่องด้วยชีวิต คือท่านไม่กลัวเสียทรัพย์ ไม่กลัวเสียสิ่งของหรือเสียชีวิต แต่ท่านกลัวเสียศีล


ความคิดเห็น 2    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 29 ม.ค. 2550

ธรรมทั้งหลายมีเหตุปัจจัยให้เกิด

ต้องเข้าใจเสียก่อนว่า ไม่มีเรา แต่มีธัมมะไม่ใช่เรา เป็นธัมมะ ธรรมทั้งหลายก็ต้องมีเหตุให้เกิดมีเหตุปัจจัย ดังนั้นจึงไม่มีตัวตนจะไปบังคับ ให้เป็นไปตามใจชอบ เพราะเป็นธัมมะไม่ใช่เรา การล่วงศีล ก็ต้องมีเหตุปัจจัย การจะรักษาศีล ๕ ได้ ก็ต้องมีเหตุปัจจัยการที่จะไม่ล่วงศีล ๕ เลย ก็ต้องดับกิเลสเบื้องต้น คือความเห็นผิดว่าเป็นเรา นั่นคือ เป็นพระโสดาบัน นั่นเองจึงจะมี ศีล ๕ สมบูรณ์ แต่เรายังเป็นปุถุชน เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็พร้อมที่จะล่วง จึงเป็นอนัตตา บังคับไม่ได้ เป็นธัมมะ ต้องเข้าใจพื้นฐานตรงนี้ครับ ไม่เช่นนั้น เรื่องการปฏิบัติก็จะผิดไปด้วย เพราะคิดว่าทำได้ แต่ธัมมะ ต่างหากที่ทำหน้าที่ ดังนั้น การฟังธัมมะที่ถูก นั่นเองจะเป็นเหตุปัจจัยที่ปัญญาเจริญขึ้น และทำให้ดับกิเลสได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าปัญญาขั้นการฟัง ทำอะไรกิเลสที่นอนเนื่องภายในไม่ได้เลย แต่เป็นเบื้องต้นที่จะบรรลุธรรม ครับ


ความคิดเห็น 3    โดย wannee.s  วันที่ 29 ม.ค. 2550

ศีลมีที่สุด ศีลไม่มีที่สุด เช่น บางคนยอมเสียทรัพย์เพื่อรักษาศีล บางคนยอมเสียอวัยวะและชีวิตเพื่อรักษาศีล แต่บางคนยอมเสียศีลเพื่อรักษาทรัพย์ บางคนยอม เสียศีลเพื่อรักษาอวัยวะและชีวิต ถ้าได้พูดโกหกไปแล้ว ก็ให้ตั้งต้นใหม่ด้วยการสำรวม ระวังไม่พูดโกหกอีก


ความคิดเห็น 4    โดย spob  วันที่ 29 ม.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย กุมารน้อย  วันที่ 30 ม.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย medulla  วันที่ 31 ม.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย muja  วันที่ 1 ก.พ. 2550

การจะตั้งตนอยู่ในศีล ๕ นั้น อาจไม่ง่าย เฉพาะเพียงบางคนเท่านั้น เพราะก็แล้วแต่การสั่งสมมาแต่อดีตชาติคงมิใช่เพียงชาตินี้ชาติเดียวแน่นอน สำหรับบางคน อาจตั้งตนอยู่ในศีล ๕ ตั้งแต่จำความได้ก็มี ดังนั้นการอบรมประพฤติปฏิบัติสม่ำเสมอเป็นประจำ หมั่นทำให้เป็นนิสัยไว้ น่าจะเป็นเรื่องง่ายต่อไปในภพชาติหน้า ต่อๆ ไป


ความคิดเห็น 8    โดย suntarara  วันที่ 6 มิ.ย. 2550

อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย olive  วันที่ 16 ก.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย ajarnkruo  วันที่ 18 ก.ค. 2550

การสั่งสมอุปนิสัยการเป็นผู้ตรง มั่งคงในธรรมะฝ่ายดี พร้อมทั้งเจริญปัญญา เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อปัญญาเกิด ขณะนั้นปัญญาจะทำหน้าที่กั้นไม่ให้บุคคลทุศีลใด ศีลหนึ่งทำให้เป็นผู้มีปิยวาจา คิดก่อนพูด กลั่นกรองคำพูดที่ดีและเป็นความจริงมีประโยชน์ มีเหตุผล ไม่เพ้อเจ้อ ไม่ไร้สาระ ไม่เลื่อนลอย ไม่ทำให้ผู้ฟังเกิดโทสะ ไพเราะด้วยน้ำเสียงทีเป็นมิตร ไม่ทำร้ายจิตใจ

ส่วนการเอาตัวรอดโดยสัญชาตญาณ (รักตัว ไม่อยากให้ตัวเดือดร้อน) มีแต่จะเป็นเหตุให้อกุศลที่มีกำลังสั่งสมในจิตอยู่แล้ว กำเริบหนักขึ้นไปอีก เหตุนี้ควรที่จะได้ เจริญสติระลึกถึงอกุศลธรรมในตัวเอง หรือผู้อื่นว่า ก็เป็นธรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ควรปล่อยเลยตามเลย คิดหาเหตุผลให้ตัวเองสบายใจตามลำพัง เพราะอกุศลธรรมแม้ เพียงนิดหน่อยก็ให้โทษมากในภายหลังได้ ถ้ามีกำลังกล้าแข็งขึ้น

ถ้ายังมีเรา เป็นเรา ที่รักตัวเรา ก็ยังคงยึดอยู่ ยังไม่ยอมสละ ก็จะพบแต่ความเหนื่อยใจ หนักใจ ทุกข์ใจ แต่เมื่อละเรา ไม่เป็นเรา เข้าใจผู้อื่นเหมือนที่เข้าใจว่าเรา ก็รักตัวเรา จึงไม่เบียดเบียน เริ่มที่จะสละความรักตัวเราได้ สามารถแบ่งปัน เกิดเมตตาทั้งคนและสัตว์ อันจะนำมาซึ่งความคลาย นำมาซึ่งความเบา นำมาซึ่งความ สุข ขออนุโมทนา ผู้รักษาศีลทุกท่าน ครับ


ความคิดเห็น 11    โดย ไรท์แจกแล้วไง  วันที่ 21 ก.ค. 2550

ควรพูดความจริงว่า ไม่มีให้ยืม


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 17 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 12 ก.พ. 2568

ยินดีในกุศลจิตค่ะ