ทำไมการสอนบุคคลโดยส่วนมาก ในพระสุตตันตปิฎก ทำไมพระพุทธเจ้าท่านไม่นำพระอภิธรรมล้วนๆ มาตรัสสอนคะ (ยกเว้นการเสด็จไปจำพรรษาเพื่อแสดงธรรม โปรดพุทธมารดา) เพราะเป็นการเข้าใจยากเกินไปหรือเปล่าคะ เพราะพระอภิธรรมไม่มีเรื่องของสัตว์ บุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง มีแต่ธรรมล้วนๆ อาจทำให้บุคคลที่เทศนาสั่งสอนเข้าใจยาก รึเปล่าคะ เพราะท่านตรัสสอนใคร (ในพระสูตร) ก็ยังไม่เคยเห็นตรัสถึง ปัญจทวาราวัชชนจิต ปัญจทวารวิถี ฯลฯ แล้วอีกอย่างการเห็นจิตพวกนี้น่าจะยากอยู่ หรือว่าท่านตรัสสิ่งที่ง่ายๆ เพื่อความเข้าใจก่อน แล้วเมื่อประจักษ์แล้วถึงจะเห็นสิ่งที่บริสุทธิ์เช่นพระอภิธรรมได้ค่ะ คือเรียนจากสิ่งที่เห็นก่อน แล้วไปสู่สิ่งที่เรียกว่าไม่มีอะไรเลย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัตว์โลกมากไปด้วยกิเลส และสะสมอุปนิสัยและอัธยาศัยมาแตกต่างกันไปครับ ดังนั้น พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง จึงมีถึง ๓ ปิฎก หรือ แปดหมื่นสี่พันธรรมขันธ์ ไม่ใช่เฉพาะพระอภิธรรม เพราะสัตว์โลกหลากหลายอัธยาศัย สะสมมาไม่เหมือนกัน ผู้ใดฟังพระวินัยได้บรรลุธรรม พระองค์แสดงพระวินัยนั้น ผู้ใดฟังพระสูตรและได้บรรลุธรรมหรือเกิดความเข้าใจ พระองค์แสดงพระสูตรเรื่องนั้น กับบุคคลนั้น ผู้ใดฟังพระอภิธรรมเข้าใจได้บรรลุธรรม พระองค์แสดงพระอภิธรรมหมวดนั้นครับ และแม้พระวินัยก็ยังแบ่งเป็นอีกมากมายหลายหมวดข้อธรรม ก็เพราะสัตว์โลกมีมากมายอัธยาศัย การสะสมต่างกัน ผู้ใดฟังเรื่องอะไรเข้าใจ ก็ทรงแสดงเรื่องนั้นครับ สำหรับพระสูตรก็มีมากมายหลายพระสูตร เพราะสัตว์โลกแต่ละท่านก็สะสมมาต่างๆ กัน สูตรใดสามารถเข้าใจได้ พระองค์แสดงสูตรนั้น และแม้พระอภิธรรม ก็มีมากมาย ผู้ใดเข้าใจเรื่องใดได้ พระองค์แสดงพระอภิธรรมหมวดนั้น ดังนั้น เหตุที่ไม่แสดงพระอภิธรรมอย่างเดียว เพราะ เหตุ ๒ ประการ
๑. ความหลากหลายของสัตว์โลกที่สะสมมาไม่เหมือนกัน ทำให้การจะเข้าใจธรรม ก็หลากหลายไปด้วย เพราะบางบุคคลฟังพระวินัยบรรลุ บางบุคคลฟังพระสูตรบรรลุ บางบุคคลฟังพระอภิธรรมเข้าใจแล้วบรรลุครับ
๒. เหตุผลอีกประการหนึ่ง คือ แสดงถึงการละกิเลส เนื่องด้วยกิเลสมีหลายระดับ
พระองค์แสดงพระวินัยด้วยเพื่อให้เห็นประโยชน์ของการละกิเลสขั้นหยาบ ที่แสดงออกมาทางกาย วาจา ที่เนื่องด้วยศีล พระองค์จึงทรงแสดงพระวินัยปิฎกด้วย แต่กิเลสไม่ใช่มีเพียงทางกาย วาจาที่ล่วงออกมาครับ แม้ไม่ล่วงออกมาทางกายและวาจา กิเลสที่เกิดขึ้นในใจที่กลุ้มรุมจิตใจ เช่น โกรธในใจ ไม่ได้แสดงออกมา พระองค์ทรงแสดงพระสูตรเพื่อระงับกิเลสเหล่านี้ แต่กิเลสก็มีความลึกมากกว่านั้น คือกิเลสที่แม้ไม่ปรากฏให้รู้ แต่มีอยู่ คืออนุสัยกิเลสที่จะละด้วยปัญญาเท่านั้น พระองค์ทรงแสดงอภิธรรมที่เป็นปัญญาเพื่อละกิเลสครับ
แต่ไม่ว่าพระองค์แสดงเรื่องอะไร ทุกคำใน ๓ ปิฎก คำแต่ละคำ ล้วนแล้วแต่เป็นปัญญา คือมาจากพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และสัตว์โลกได้เข้าใจเรื่องอะไรก็สามารถเกิดปัญญาตรัสรู้ได้ครับ ซึ่งการตรัสรู้บรรลุธรรม ไม่ว่าฟังพระธรรมจากหมวดใด ก็ต้องเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ที่เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ประจักษ์แจ้งความจริงที่เป็นอภิธรรม คือสภาพธรรมที่มีในชีวิตประจำวันครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระวินัย พระสูตร หรือพระอภิธรรม ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงเลย พระวินัยเป็นเรื่องของพระบัญญัติต่างๆ ที่เกี่ยวกับความประพฤติเป็นไปทางกาย ทางวาจา ซึ่งมาจากจิตใจ ก็ไม่พ้นไปจากธรรม, พระสูตร เป็นการแสดงพระธรรม ณ สถานที่ต่างๆ ปรารภบุคคลต่างๆ ยกธรรมประการต่างๆ ขึ้นแสดง ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ส่วนพระอภิธรรม เป็นการยกธรรมล้วนๆ ขึ้นแสดง ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน เป็นธรรมที่ละเอียดยิ่ง ซึ่งเมื่อได้ศึกษาพระอภิธรรมเข้าใจแล้วก็ทำให้ศึกษาพระวินัย พระสูตร เข้าใจได้ด้วย เพิ่มพูนความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรมมากยิ่งขึ้น
พระอภิธรรม ยาก แต่สามารถเข้าใจได้เมื่อได้เริ่มฟัง เริ่มศึกษา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ด้วยความละเอียดรอบคอบเท่านั้นที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสในชีวิตประจำวัน สำคัญอยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ต้น ว่า สิ่งที่มีจริงเป็นธรรม ไม่ว่าจะแสดงโดยพระวินัย พระสูตร หรือพระอภิธรรม ก็เพื่อเข้าใจธรรม ตามความเป็นจริงนั่นเอง พระธรรมทุกคำมีค่ามาก เพราะเป็นพระปัญญาตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ทั้ง ๓ ปิฎก คือ พระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม เพราะแต่ละบุคคล สะสมกรรม กิเลส และปัญญา มาไม่เหมือนกัน และจริตแต่ละคนก็ต่างกัน พระพุทธเจ้าจึงแสดงธรรมะไว้หลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับอัธยาศัยแต่ละคนค่ะ
สาธุๆ ค่ะ
พระธรรมทุกคำ มีค่ามาก เพราะเป็นพระปัญญา ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ประโยคนี้โดนมากค่ะ ^ ^
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เรียนท่านเจ้าของกระทู้และท่านวิทยากรบ้านธัมมะที่เคารพ
ดิฉันใคร่ขอร่วมสนทนาด้วยดังนี้
ตามที่ดิฉันได้รับฟังและอ่านมา
๑. พระไตรปิฎกมีสามปิฎก แบ่งแยกตามที่ท่านความเห็นที่ 1 เขียนไว้จริง ในพระสุตตันตปิฏกนั้นเป็นการรวบรวมคำเทศนาสั่งสอนของพุทธองค์ในพุทธกาล ๔๕ พรรษา ดังนั้น ก่อนจะขึ้นต้นคำเทศนา จะมีคำว่าเอวัมเม สุตัง เพราะว่าท่านมหาอานนท์เป็นผู้ถ่ายทอดในการสังคายนาพระไตรปิฎกในครั้งแรก ดังนั้น การสังเกตว่า เรื่องใดเป็นพระสูตรจึงสังเกตคำขึ้นต้น เอวัมเม สุตัง
๒. ในพระพุทธประวัตินั้น พระมหาโพธิสัตว์สิทธัตถะเมื่อทรงบำเพ็ญพระบารมีครบถ้วนสมบูรณ์ ๒๐ อสงไขยแสนกัปป์แล้ว เหล่าทวยเทพ พรหมเทวา ได้อัญเชิญพระองค์มาอุบัติเป็นพระมหาโพธิสัตว์สิทธัตถะ เพื่อการตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ในขณะเดียวกัน บุคคลสำคัญอีกหลายท่านที่มากำเนิดในชาติเดียวกันและเกี่ยวข้องกับพระมหาโพธิสัตว์ก็ได้มีการบำเพ็ญเพียรและอธิษฐานมาว่าท่านใดจะมาเป็นพุทธมารดา พุทธบิดา พระมหาอานนท์ พระอัญญาโกณฑัญญะ ท่านยัสสะ พระมหาสารีบุตร พระโมคคัลลานะ ท่านสุชาดา ท่านวิสาขา พระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าอชาตศัตรู และพระมหาสาวก พระอสีติมหาสาวกอีกหลายๆ ท่าน เรียกว่า บุคคลที่เป็นสหชาติ ซึ่งแต่ละท่านได้บำเพ็ญบารมีมาตลอด เพื่อมาพบพระพุทธเจ้าบนโลกมนุษย์ เพื่อทรงฟังธรรมและบรรลุธรรมด้วยบทพระสูตรซึ่งมีเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคลเช่นกัน คณะบุคคลเหล่านี้เรียกรวมว่า คณะโพธิญาณ คือพร้อมจะบรรลุธัมมะเฉียบพลันเมื่อฟังพุทธวจนนั่นเอง พระสูตรนั้นเป็นเรื่องของผล คือทุกๆ บุคคลที่กล่าวในพระสูตรได้บรรลุมรรคผลแตกต่างกัน ซึ่งปุถุชนและสุคติบุคคลยุคหลังกึ่งพุทธกาลนี้ไม่สามารถเทียบเคียงเลียนแบบได้เลย
๒. ส่วนพระอภิธรรมนั้นมีถึง ๔๒๐๐๐ พระธรรมขันธ์ และพุทธมารดาทรงอธิษฐานจะมาฟังการเทศนาพระอภิธรรมเช่นเดียวกัน และพระอภิธรรมนี้ เป็นการเทศนาถึงเหตุ เพื่อให้กระทำจนถึงพระนิพพานเท่านั้น โดยส่วนที่มีบันทึกในพระไตรปิฎกที่มีวางอยู่ทั่วไป โดยมากจะมีคำว่า เป อยู่ท้ายบางบรรทัด นั่นคือ มีการตัดข้อความบางส่วนออกไป จึงอาจขาดความสมบูรณ์ลงบ้าง พระอภิธรรมเป็นเหตุ คือการสิกขา เรื่องจิต เจตสิก รูป เพื่อให้ไปถึงซึ่งพระนิพพาน ซึ่งบุคคลในพุทธกาลท่านทั้งหลายก็ทราบกันทะลุปรุโปร่งอยู่แล้ว ท่านจึงมาอธิษฐานมาเป็นสหชาติร่วมกับพุทธองค์ หากสุคติบุคคลมีสัทธา ปรารถนามรรคผลนิพพาน ควรสิกขาพระอภิธรรมให้ลึกซึ้ง เพราะเป็นการสิกขาเหตุแห่งการพ้นทุกข์อย่างถาวร มิใช่การเลียนแบบบุคคลในพุทธกาลที่ปรากฏในพระสูตร ว่า ท่านนั้นๆ ฟังธรรมข้อนั้นๆ แล้วบรรลุมรรคผลนั้นๆ เพราะธรรมเหล่านั้นในพระสูตร พระพุทธองค์ทรงทอดข่ายพระญาณก่อนไปพบและแสดงธัมมะแก่บุคคลเหล่านั้นโดยเฉพาะ หากท่านสังเกตจากการอ่านพระสูตรจะพบว่า พุทธองค์จะทรงทอดข่ายพระญาณทราบว่า วันนี้จะพบท่านองคุลิมาล และจะเทศนาธัมมะข้อนั้นแด่ท่านองคุลิมาล เป็นต้น (ขอทราบจากท่านวิทยากรว่า ที่ดิฉันฟังมาเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่)
๓. ฟังมาอีกว่า เมื่อ ๗ ราตรีกาลก่อนพระพุทธนิพพานครบ ๕๐๐๐ ปี พุทธองค์จะทรงรวบรวมพระธาตุและจีวรอัฐบริขาร เพื่อมาแสดงธัมมะอีกครั้งในสวรรค์ ตรงใกล้กับพระเกศแก้วจุฬามณี (จำชื่อสวรรค์มิได้) และเพลานั้นผู้ที่เป็นเทวดาเหนือกว่าชั้นจาตุมหาราชิกาขึ้นไป และพรหม จะมาฟังธรรมและสามารถบรรลุธรรมได้ แล้วแต่ว่าได้สะสมการสิกขาธัมมะมาเพียงใด ซึ่งการฟังธรรมในกาลดังกล่าวนี้ สัตว์ในอบายภูมิ มนุษย์ เทวดาชั้นจาตุมฯ พระอสัญญสัตตาพรหม อรูปพรหม ไม่สามารถมาฟังธรรมดังกล่าว ดังนั้น สุคติบุคคลยุคหลังพุทธกาลควรสะสมการฟังธรรมโดยเฉพาะพระอภิธรรม ๔๒๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เพื่อให้สะสม จนกว่าจะมีโอกาสฟังธรรมในกาลดังกล่าว ถูกผิดอย่างไร ดิฉันขอรับผิดแต่ผู้เดียว และขอขมาต่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหากดิฉันฟังมาผิด และขอโอกาสได้สิกขาธัมมะปรมัตถธรรมที่แท้จริงจากพระพุทธวจนของพระองค์ ในชาตินี้ด้วยเทอญ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
เรียน ความเห็นที่ 6 ครับ
การตรัสรู้ธรรมของสัตว์โลก มีหลากหลายนัยดังนี้นะครับ คือ พุทธเวไนย สัตว์โลกที่ตรัสรู้ด้วยพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ธรรมเวไนย คือสัตว์โลกที่ฟัง ศึกษาพระธรรม แล้วบรรลุ สาวกเวไนย คือผู้ที่ฟังพระธรรมจากสาวกพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุครับ
ซึ่งพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้จำกัดว่า ใคร บุคคลใด จะฟังเพียงพระอภิธรรมถึงบรรลุ และคนยุคหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วฟังพระอภิธรรมเท่านั้นจึงจะบรรลุ ไม่เช่นนั้นครับ เพราะมีกลุ่มธรรมเวไนย คือฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม บรรลุก็มี แม้อ่านพระสูตร ก็บรรลุได้ แต่ขณะที่บรรลุต้องรู้ตัวธรรมที่เป็นพระอภิธรรมครับ และมีสาวกเวไนย คือได้ฟังพระธรรมจากสาวก แล้วถึงบรรลุ เช่น สมัยที่พระมหินทเถระไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ศรีลังกา หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานสองร้อยกว่าปี ท่านพระมหินทเถระแสดงพระสูตร สัตว์ก็ได้บรลุมากมาย ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นพระอภิธรรมในยุคหลังเท่านั้น สัตว์ถึงจะบรรลุได้ครับ
ส่วนประเด็นที่เมื่อพระพุทธศาสนาจะอันตรธาน พระธาตุจะมารวมกัน เทวดาเท่านั้นที่จะเห็น ซึ่งข้อความที่ยกมา อ้างว่า มีการแสดงธรรมและมีการบรรลุ แต่ในความเป็นจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในพระไตรปิฎกนั้น ไม่เป็นเช่นนั้นเลยครับ คือไม่มีการแสดงธรรม เป็นแต่เพียงพระธาตุมาประชุมรวมกันที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ปรากฏเป็นรูปพระพุทธเจ้าอีกครั้ง ไม่มีมนุษย์ มีแต่เทวดามาประชุมกัน ไม่มีการแสดงธรรม จึงไม่มีการบรรลุธรรมใดๆ ทั้งสิ้นครับ และเตโชธาตุคือไฟก็ลุกโชน เผาพระบรมสารีริกธาตุจนหมดสิ้น เป็นอันแสดงถึงการอันตรธานจนหมดของพระศาสนานี้ครับ
ขออนุโมทนา
เรียน ท่านความเห็นที่ 7
ขออนุโมทนาท่านวิทยากรที่อธิบาย โดยสรุปจากข้อความของท่านหมายความว่า
๑. ต่อนี้ไปจะหาสัตว์บรรลุธรรมไม่ได้เลยใช่ไหมคะ เนื่องจากไม่มีการแสดงธรรมโดยอริยบุคคลใดๆ
๒. หากคำตอบข้อ ๑. ใช่ แล้วการที่เรามาฟังธรรมพระพุทธเจ้าให้เข้าใจสภาวธรรมอยู่นี้ เรากำลังบำเพ็ญบารมีอะไร และเราจะมีความหวังได้บรรลุธรรมกันอีก ได้ไหมคะ หากว่าได้บรรลุธรรม จะไปบรรลุเอาเมื่อไร คะ
เรียน ความเห็นที่ 8 ครับ
จากที่กระผมได้กล่าวไว้ในความคิดเห็นที่ 7 แสดงถึงผู้บรรลุด้วย ธรรมเวไนยด้วย คือ ได้อ่านพระธรรม ศึกษาพระธรมที่พระพุทะเจ้าทรงแสดงไว้ครับ มีพระไตรปิฎก เป็นต้น โดยพระไตรปิฎก ก็มีทั้ง ๓ ปิฎกครับ ส่วนบรรลุด้วย สาวกเวไนยก็มี คืออาศัยการฟังพระธรรมจากผู้ที่ศึกษาธรรมและเข้าใจถูกต้อง ก็สามารถบรรลุได้ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา ท่านความเห็นที่ 7 และ 9 ค่ะ
โดยสรุป คือ เวไนยสัตว์สามารถอ่านและฟังพระไตรปิฎกจนกว่าจะบรรลุธัมมะได้
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณอย่างสูง