เมตตา ๑๒ - ความโกรธ - อักโกสกสูตร
โดย chaiyut  10 ต.ค. 2550
หัวข้อหมายเลข 5076

ความโกรธของอักโกสกภารทวาชพราหมณ์

ท. ความโกรธนี้ไม่มีใครชอบ

ส. ฉะนั้น ก็ขอให้เป็นชีวิตจริงๆ ที่สามารถชนะได้ระงับได้ในขณะนั้น โดยขั้นของการเจริญเมตตา ซึ่งเป็นสมถภาวนา หรือด้วยการเจริญสติปัฏฐานระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพื่ออบรมเจริญปัญญาให้คมกล้าสามารถบรรลุถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล ดับความโกรธได้จริงๆ

เมื่อพราหมณ์ภารทวาชโคตร ได้อุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาคแล้ว น้องชายของท่านทราบข่าวว่า ท่านเกิดความเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคและได้อุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาคแล้ว น้องๆ ของท่านก็โกรธขัดใจ ได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคแล้วแสดงอาการโกรธต่างๆ กัน ในสังยุตตนิกาย สคาถวรรค พราหมณสังยุตต์ อรหันตวรรคที่ ๑ อักโกสกสูตรที่ ๒ มีข้อความว่า

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหาร เวฬุวัน อันเป็นที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ฯ

อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ได้สดับมาว่า ได้ยินว่าพราหมณ์ภารทวาชโคตรออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิตในสำนักของพระสมณโคดมแล้ว ดังนี้ โกรธ ขัดใจ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วด่าบริภาษพระผู้มีพระภาคด้วยวาจาอันหยาบคาย มิใช่ของสัตบุรุษ ฯ

เมื่อพราหมณ์ภารทวาชโคตร ได้อุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาคแล้ว น้องชายของท่านทราบข่าวว่า ท่านเกิดความเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคและได้อุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาคแล้ว น้องๆ ของท่านก็โกรธขัดใจได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคแล้วแสดงอาการโกรธต่างๆ กัน ในสังยุตตนิกาย สคาถวรรค พราหมณสังยุตต์ อรหันตวรรคที่ ๑ อักโกสก-สูตรที่ ๒ มีข้อความว่า

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน อันเป็นที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ฯ

อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ได้สดับมาว่า ได้ยินว่าพราหมณ์ภารทวาชโคตรออกจากเรือน บวชเป็นบรรพชิตในสำนักของพระสมณโคดมแล้ว ดังนี้ โกรธ ขัดใจ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วด่าบริภาษพระผู้มีพระภาคด้วยวาจาอันหยาบคาย มิใช่ของสัตบุรุษ ฯ

เมื่ออักโกสกภารทวาชพราหมณ์กล่าวอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับอักโกสกภารทวาชพราหมณ์ว่า ดูกรพราหมณ์ ท่านย่อมสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน มิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกของท่านย่อมมาบ้างไหม ฯ

อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ทูลตอบว่า พระโคดมผู้เจริญ มิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกของข้าพระองค์ ย่อมมาเป็นบางคราว ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ ท่านย่อมสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ท่านจัดของเคี้ยวของบริโภค หรือของดื่มต้อนรับมิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่านั้นในบางคราวบ้างหรือไม่ ฯ

อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ทูลตอบว่า พระโคดม ผู้เจริญ ข้าพระองค์จัดของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มต้อนรับมิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่านั้นในบางคราว ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ ก็ถ้าว่ามิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่านั้นไม่รับของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มนั้นจะเป็นของใคร ฯ

อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ตอบว่า พระโคดมผู้เจริญ ถ้าว่ามิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่านั้นไม่รับของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มนั้นก็เป็นของข้าพระองค์อย่างเดิม ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ ข้อนี้ก็อย่างเดียวกัน ท่านด่าว่าเราผู้ไม่ด่าอยู่ ท่านโกรธเราผู้ไม่โกรธอยู่ ท่านหมายมั่นเราผู้ไม่หมายมั่นอยู่ เราไม่รับเรื่องมีการด่า เป็นต้น ของท่านนั้น ดูกรพราหมณ์ เรื่องมีการด่า เป็นต้นนั้น ก็เป็นของท่านแต่ผู้เดียว แล้วตรัสต่อไปว่า ดูกรพราหมณ์ ผู้ใดด่าตอบบุคคลผู้ด่าอยู่ โกรธตอบบุคคลผู้โกรธอยู่ หมายมั่นตอบบุคคลผู้หมายมั่นอยู่ ดูกรพราหมณ์ ผู้นี้เรากล่าวว่าย่อมบริโภคร่วมกัน ย่อมกระทำตอบกัน เรานั้นไม่บริโภคร่วม ไม่กระทำตอบด้วยท่านเป็นอันขาด ดูกรพราหมณ์ เรื่องมีการด่าเป็นต้นนั้นเป็นของท่านผู้เดียว ฯ

อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ทูลตอบว่า บริษัทพร้อมด้วยพระราชาย่อมทราบพระโคดมผู้เจริญอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมเป็นพระอรหันต์ ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ไฉนพระโคดมผู้เจริญจึงยังโกรธอยู่เล่า ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ผู้ไม่โกรธ ฝึกฝนตนแล้ว มีความเป็นอยู่สม่ำเสมอ หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้ชอบ สงบ คงที่อยู่ ความโกรธจักมีมาแต่ไหน ผู้ใดโกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลผู้โกรธนั้นแหละ เพราะการโกรธตอบนั้น บุคคลไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ชื่อว่าย่อมชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติสงบเสียได้ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือ แก่ตนและแก่บุคคลอื่น เมื่อผู้นั้นรักษาประโยชน์ทั้งสองฝ่ายคือ ของตนและของบุคคลอื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรมย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่าเป็นคนเขลา ดังนี้ ฯ

เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว อักโกสก ภารทวาชพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก......

อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ได้ทูลขอบรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค ซึ่งไม่นานนักท่านอักโกสกภารทวาชพราหมณ์ก็ได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย

ถ้าประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ พอที่จะเกิดเมตตาได้ไหม หรือว่าถ้าใครโกรธก็ต้องโกรธตอบ จะเปลี่ยนใจได้ไหมว่า ถึงใครจะโกรธก็ไม่โกรธตอบ รู้จักให้อภัยคนที่กำลังโกรธ ความโกรธไม่ว่าจะเป็นของใครก็มีอาการที่ไม่สงบประทุษร้าย เวลาที่เห็นความโกรธ อาการประทุษร้ายของบุคคลอื่นและเห็นโทษแล้ว ยังอยากจะโกรธเหมือนอย่างนั้นหรือ เมื่อเห็นโทษของโทสะ เมตตาก็เกิดได้ขณะนั้น ซึ่งควรเจริญจนกว่าจะเป็นพื้นของจิตใจซึ่งสามารถที่จะให้อภัยได้ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมทางกายหรือทางวาจาก็ตาม

..จากหนังสือ "เมตตา" เปิดอ่าน --> คลิกที่นี่



ความคิดเห็น 1    โดย wannee.s  วันที่ 11 ต.ค. 2550

ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนโกรธ คนโกรธย่อมไม่เป็นที่รักของคนอื่น

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 30 ก.ค. 2564

ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม...

เรื่องอักโกสกภารทวาชพราหมณ์ [๒๗๙]


ความคิดเห็น 4    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 24 ก.พ. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ