ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๔๔
~ คนที่บวชโดยไม่เข้าใจพระธรรม บวชเพื่อที่จะเป็นพระภิกษุแล้วก็ไม่ศึกษาธรรมและไม่ขัดเกลากิเลส ก็เหมือนบริโภคแบบอย่างขโมย เพราะว่าเขาให้แก่ผู้ที่มีศีล ผู้ที่มีศรัทธาที่จะขัดเกลากิเลสที่จะศึกษาธรรมและประพฤติตามพระวินัย แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ก็คือ เหมือนลักขโมยอาหารที่บุคคลอื่นเขาให้แก่ผู้มีศีล มาเป็นของตน
~ ภัยที่มองไม่เห็น มีแต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจอย่างถูกต้อง ว่า ภัยที่ยิ่งกว่าไฟไหม้น้ำท่วม คือ ภัยที่เกิดจากความไม่รู้แล้วก็ทำให้กิเลสมากมายมหาศาลเกิดขึ้นพร้อมกับความไม่รู้ ซึ่งเป็นเหตุของทุจริต เพราะเหตุว่า ถ้าเป็นปัญญา จะไม่มีทางทำสิ่งที่ไม่ดีได้เลย
~ หลงติดข้องในสิ่งที่ไม่มี เพราะไม่รู้
~ ความเข้าใจธรรม นำไปสู่การดับกิเลสหมด ถึงความเป็นพระอรหันต์ (ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิตโดยประการทั้งปวง)
~ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม อกุศลก็เพิ่มขึ้น ทุจริตก็มี ทั่วทุกแห่ง
~ ความไม่รู้ ไม่สามารถป้องกันภัยได้ เพราะฉะนั้น มีหนทางเดียว คือ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ไม่ว่าใครจะได้ยินได้ฟัง กาลไหน พระสูตรหรือพระวินัย หรือ พระอภิธรรม ก็เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น
~ ถึงเวลาหรือยังที่เราจะรู้ถึงเหตุที่นำมาซึ่งภัยจริงๆ ก็คือ ความไม่เข้าใจความจริงทุกวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประกาศให้เห็นโทษเห็นภัยด้วยประการทั้งปวงตลอด ๔๕ พรรษา เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีการฟัง ไม่มีความเข้าใจธรรมเลย ไม่มีทางจะแก้ปัญหาอะไรได้เลยทั้งสิ้น
~ หนทางเดียวที่จะนำความสว่าง ทำให้ความมืดด้วยความไม่รู้และทุจริตทั้งหลายลดน้อยลง ก็คือ มีความเข้าใจเหตุและผลตรงตามความเป็นจริง
~ ถ้าเป็นภิกษุที่ไม่ได้เข้าใจพระธรรมและไม่ได้ปฏิบัติตามพระวินัยด้วย ย่อมทำลายพระพุทธศาสนา เป็นภัยที่บุคคลอื่นมองไม่เห็นเลย เพราะเหตุว่า เห็นภิกษุ ก็กราบไหว้ อย่าไปยุ่ง อย่าไปเกี่ยว แต่เป็นหน้าที่ของใครที่จะรู้ความจริงว่า อะไรถูก อะไรผิด ที่จะแก้ไข เพราะว่า พุทธบริษัทไม่ได้มีแต่ภิกษุ
พระองค์ไม่ได้มอบหมายให้ภิกษุเป็นศาสดาแทนพระองค์ แต่พระธรรมวินัยทั้งหมดที่ได้ทรงแสดงแล้วแก่พุทธบริษัท เป็นศาสดาแทนพระองค์
~ ภิกษุ เป็นเหตุหนึ่งและเป็นเหตุใหญ่ ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติ ได้ไหม เพราะความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ก็ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนอื่นก็หลงเชื่อตาม เพราะว่า ไม่ศึกษาให้เข้าใจ ก็หลงทำผิดตาม ทุกประการ
~ เมื่อไม่มีหลัก คือ ความเข้าใจถูกต้องที่จะทำให้จิตสุจริตเป็นไปในทางที่ดี ก็ต้องเป็นไปในทางทุจริต เพราะฉะนั้น ก็ล่มสลาย จะเร็วหรือช้า แก้ไขได้ไหม ช่วยกันรับผิดชอบ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย ไม่ใช่ว่า เขามีหน้าที่ คนนั้นมีหน้าที่ คนนี้มีหน้าที่ แต่เราไม่มีหน้าที่หรือ? ก็เป็นหน้าที่ของทุกคน ถ้าทุกคนตระหนักว่าเป็นหน้าที่ของทุกคน โดยทางส่วนตัวและโดยทางส่วนรวม ก็สามารถที่จะแก้ไขได้
~ การกระทำไม่ดีหรือทุจริตทั้งหมดก็มาจากจิตที่เป็นอกุศล แล้วใครไม่มีอกุศลจิต ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่มีทางที่จะขัดเกลาได้เลย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้ขัดเกลา ก็เป็นอย่างที่เห็น คือ กระทำผิดต่างๆ มากมาย
~ ถ้าเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะฟังคำของพระองค์ไหม หรือว่า เมยเฉย ไม่ศึกษาไม่เข้าใจเหมือนเดิมที่จะนำมาสู่หายนะอย่างนี้
~ ชักชวนกันบวช ไม่ว่าจะเป็นภิกษุหรือสามเณร ดึงพระพุทธศาสนาลงมาต่ำถึงกับความไม่รู้ ใช่ไหม? ไม่รู้ว่าพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เพื่อให้บุคคลที่เห็นคุณค่าและเข้าใจธรรม ได้สละเพศคฤหัสถ์สู่บรรพชิตที่จะศึกษาและรักษาพระธรรมวินัย แต่ไปชักชวนผู้ไม่รู้จัก ไม่รู้เข้าใจธรรมเลยไปบวชเป็นภิกษุและสามเณร เพื่ออะไร? ดึงพระพุทธศาสนาลงมาต่ำจนถึงกับว่าใครจะบวช ก็ได้ แล้วบวชแล้วใครจะทำอะไรก็ได้ ใครรับผิดชอบ?
~ บวชแล้วก็ไม่ได้ศึกษาธรรมด้วย ซึ่งไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัย เท่ากับว่าไม่มีความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมมาศาสดา
~ ให้เด็กทำความดีและขัดเกลากิเลส ให้ความรู้เป็นค่ายเยาวชนหลายอย่างก็ได้ แต่อย่าไปบวช เพราะบวชแล้วเป็นโทษอย่างยิ่ง แก่ตนเองและแก่พระศาสนา เพราะว่าคนจะเข้าใจผิดว่านี่คือผู้ที่ประพฤติตามพระธรรมวินัย แต่ความจริงไม่ใช่เลย เพราะต้องเข้าใจธรรม และบวชเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสจนถึงความเป็นพระอรหันต์
~ เมื่อมีคำถามว่า ใครจะให้เงินแก่พระภิกษุบ้าง? เด็ก ๗ ขวบ ตอบว่า ไม่ให้เงินแก่พระภิกษุ นี่คือ การปลูกฝังความถูกต้องให้เข้าใจตั้งแต่เริ่มต้น
~ ทำความดีได้โดยไม่ต้องบวช เพราะว่า เพศบรรพชิตเป็นเพศที่สูงอย่างยิ่ง ขัดเกลากิเลสตามพระธรรมวินัย ถ้าไม่สามารถที่จะประพฤติตามได้ บวชทำไม เป็นการทำลายพระศาสนาและตัวเองด้วย
~ แต่ละคำที่พูด ก็พูดตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้ฟัง ก็พิจารณาไตร่ตรอง ด้วยตนเองว่า ทุกคำมีประโยชน์กับตนเองไหมที่จะให้พ้นจากความผิดและบาป เพราะเหตุว่า เพศบรรพชิตเป็นเพศที่สูงยิ่ง ถ้าใครก็ตามไม่ได้เข้าใจธรรม จะบวชทำไม และบวชแล้วก็ยังไม่ศึกษาให้เข้าใจด้วย นอกจากนั้นก็ยังประพฤติผิดพระวินัยด้วย เพราะฉะนั้น ก็เป็นโทษอย่างยิ่งกับตนเองและกับคนอื่นๆ ซึ่งพลอยไม่รู้ไปด้วย
~ วัดต้องเป็นที่สงบ เพราะเหตุว่าเป็นที่อยู่ของผู้สงบและผู้นั้นต้องเข้าใจธรรมและประพฤติตามพระวินัยถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ชาวโลก ใครได้เห็นก็ต้องชื่นชมอนุโมทนาในความสงบของพระพุทธศาสนา แต่ถ้ามาเห็นวัดซึ่งมีตลาด มีอะไรอีกมากมาย เขาจะคิดหรือว่านี่คือวัดในพระพุทธศาสนา แต่ถ้าเขาคิดว่านี่คือวัดในพระพุทธศาสนา (ก็จะคิดต่อไปว่า) นี่หรือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ก็ทำให้คนเข้าใจผิดหมดเลย แล้วก็ยังมีสำนักปฏิบัติซึ่งทั้งหมดไม่ได้เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้น ภัยใหญ่หลวงไหม โรคร้ายแรงไหม โรคซึ่งเป็นต้นตอของทุจริตทั้งหมด
~ เกิดมาแล้วในชีวิตไม่มีขณะไหนเลยที่มีค่าเท่ากับขณะที่เข้าใจพระธรรมซึ่งสามารถที่จะศึกษาได้ เข้าใจได้ เป็นประโยชน์สูงสุด
~ วัดต้องเป็นวัด เป็นที่ศึกษาให้เข้าใจพระธรรม ต้องไม่มีตลาด เป็นต้น ต้องไปที่สะอาด ที่บริสุทธิ์ ที่ตรง ที่เปิดเผยว่าเป็นที่อยู่ของผู้ที่จะประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ซึ่งจะทำกิจของคฤหัสถ๋ไม่ได้เลยซักอย่าง
~ ต้องไตร่ตรอง ต้องคิด ต้องพิจารณา ต้องรู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ อะไรเป็นโทษ ไม่ใช่ทำตามๆ กันแล้วก็มีข้ออ้างต่างๆ ที่จะทำในสิ่งที่ผิด
~ ใครก็ตามที่สำนึกในพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเห็นประโยชน์ ว่าคำสอนของพระองค์จะดำรงเพื่อประโยชน์สำหรับคนอื่นต่อไปอีกนอกจากเรา ก็คือ ต้องเข้าใจพระธรรมและอาจหาญที่จะกระทำสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อที่จะดำรงพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้น ชาวพุทธไม่ให้เงินแก่พระภิกษุ ด้วยประการใดๆ ทั้งสิ้น นี่คือ ก้าวแรกที่จะเริ่มไปทีละเล็กทีละน้อย
~ การสร้างสำหรับปฏิบัติ ไม่ใช่การทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา แต่เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา
~ ไม่ไหว้ภิกษุผู้ทุศีล เพื่อเขาจะได้รู้สึกตัว แต่ถ้าเป็นพระภิกษุตามพระธรรมวินัยแล้ว ก็ย่อมเป็นที่เคารพอย่างยิ่ง
~ ความเข้าใจธรรม ช่วยให้คนอื่นพ้นจากโทษภัยอันใหญ่หลวงในการที่กระทำผิดต่อพระธรรมวินัยแล้วก็ยังคงกระทำต่อไป ถ้าไม่ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว การที่จะไม่เป็นภิกษุหรือจะเป็นภิกษุ ก็ต้องเป็นด้วยความจริงใจ และต้องมีความเข้าใจว่า ถ้าไม่สามารถที่จะศึกษาให้เข้าใจและรักษาพระวินัยขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ก็สามารถที่จะเข้าใจธรรม เป็นคนดีในเพศคฤหัสถ์ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกว่า
~ พระพุทธศาสนา บริสุทธิ์ มีค่าแค่ไหน เพราะถ้าเข้าใจแล้วก็จะเห็นได้ว่า คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสิ่งซึ่งไม่ง่าย และสามารถที่จะดำรงอยู่ได้ ก็ด้วยความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น จึงสามารถที่จะประพฤติปฏิบัติตามได้
~ กิเลสยังมีเต็มอยู่ จนกระทั่งสามารถที่จะกระทำที่ผิดๆ เพราะฉะนั้น ความไม่รู้ก็จะเป็นเหตุให้เกิดความคิดเห็นที่ผิดต่างๆ ซึ่งมีโลภะ (ความพอใจติดข้อง) ปิดกั้นไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่านั่น คือ ผิด เพราะมีความยินดีพอใจในความคิดหรือในความไม่รู้นั้นอยู่แล้ว
~ ลองคิดดูว่าในการสังคายนา (รวบรวมพระธรรมวินัย) พระอรหันต์ทั้งนั้น เคร่งครัดไหม ที่จะไม่เปลี่ยนพระธรรมวินัยเลยทั้งสิ้น ดำรงรักษาพระธรรมวินัยด้วยความเคารพ จึงได้รักษาพระธรรมวินัย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
~ รากเหง้าของความผิดทั้งหมด คือ ความไม่รู้
~ ชาวพุทธทุกคนต้องรู้ว่า ชาวพุทธคือใคร? ถ้าไม่ศึกษาธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจะเป็นชาวพุทธได้ไหม? จะเข้าใจถูกหรือเปล่า?เมื่อแต่ละคนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็ประกาศความจริงให้ทุกคนได้รู้ทั่วกัน อาจหาญร่าเริงที่จะกล่าวคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ตรัสไว้ดีแล้วทั้งหมด ให้คนอื่นได้พิจารณาและได้เข้าใจเพิ่มขึ้นๆ นี่เป็นหนทางเดียว (ที่จะรักษาพระศาสนา) เพราะฉะนั้น คนที่ไม่รู้ จะเผยแพร่อย่างไร ก็เป็นไปในทางที่ไม่รู้และไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ก่อนอื่น ก็คือต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้อง และอาจหาญที่จะดำรงพระศาสนา คำจริงและมีประโยชน์ ควรพูด
~ เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษที่จะชักชวนกันบวชมากๆ ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมวินัยที่จะขัดเกลากิเลสจริงๆ เป็นโทษกับผู้บวชเอง แล้วยังจะชักชวนให้เขาบวชหรือ ในเมื่อบวชแล้วเป็นโทษกับตัวเขา
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๔๓

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา