สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในโกศลชนบท พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ซึ่งในอรรถกถา ได้ให้คำอธิบายไว้ว่า
คำว่า หมู่ใหญ่ นั้น หมายความถึง จำนวน ความหมายหนึ่ง แล้วก็ใหญ่ด้วยคุณ คือ ความเป็นพระอริยเจ้า อีกความหมายหนึ่ง
ที่มา ...
นายนันทโคบาล ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระผู้มีพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า

เล่ากันมาว่า นายนันทโคบาลนั้น นิมนต์พระผู้มีพระภาค และพระภิกษุสงฆ์ ให้ประทับอยู่ในที่นั้น แล้วถวายมหาทานสิ้น ๗ วัน แต่ในวันที่ ๗ ได้ถวายข้าวปายาสทานอันมีน้ำน้อย พระผู้มีพระภาคทรงกระทำอนุโมทนา ก็เพราะนายนันทโคบาลนั้น มีญาณแก่กล้า เพื่อประโยชน์แห่งมรรคเบื้องบน ในอัตภาพนั้นนั่นเอง แล้วเสด็จหลีกไป
พระผู้มีพระภาคไม่ทรงเห็นว่า การที่จะประจักษ์แจ้งในความเกิดดับของนามธรรม และรูปธรรมนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะประจักษ์ ทั้งๆ ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เกิดดับ ไม่เป็นสาระ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่บุคคลก็ควรที่จะประจักษ์ และผู้ที่จะประจักษ์ได้ ก็ต้องเป็นผู้ที่ญาณแก่กล้าด้วย
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ในคำเตือน คำอธิบาย ทุกคำให้เห็นประโยชน์ของการมีชิวิตที่เป็นไปเพื่อการสะสมสิ่งที่มีค่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง และรู้ตัวว่า ยังอีกแสนไกล แต่หนทางนี้ ถูกต้อง ตรง และจริง
ขอบพระคุณและยินดีในกุศลธรรมทาน กับอ.ฉัตรชัย ด้วยค่ะ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ