ขอเรียนถามครับ
โดย www.aomnco847  19 มี.ค. 2559
หัวข้อหมายเลข 27583

อนุสัย 7 มีความสำคัญกับกิเลส 3 อย่างไรบ้างครับ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 19 มี.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อนุสัย หมายถึง กิเลสอย่างละเอียดที่ตามนอนเนื่องอยู่ในจิต ไม่ปรากฏตัวออกมา ไม่เกิดขึ้น หรือเป็นกิเลสที่ยังละไม่ได้ ซึ่งจะละได้ด้วยอริยมรรค เท่านั้น

อนุสัย มี ๗ ประการคือ

๑. กามราคานุสัย (อนุสัย คือ โลภะ ความติดข้องในกาม)

๒. ปฏิฆานุสัย (อนุสัย คือ โทสะ ความโกรธ)

๓. ทิฏฐานุสัย (อนุสัยคือ ความเห็นผิด)

๔. วิจิกิจฉานุสัย (อนุสัย คือ ความสงสัยในสภาพธรรม)

๕. มานานุสัย (อนุสัย คือ ความถือตัว ความสำคัญตัว)

๖. ภวราคานุสัย (อนุสัย คือ โลภะ ความติดข้องในภพ)

๗. อวิชชานุสัย (อนุสัย โมหะ ความไม่รู้)

โสตาปัตติมรรค ดับ ทิฏฐานุสัย และ วิจิกิจฉานุสัย อนาคามิมรรค ดับ กามราคานุสัย และ ปฏิฆานุสัย อรหัตตมรรค ดับ มานานุสัย ภวราคานุสัย และ อวิชชานุสัย

พระอรหันต์เท่านั้น ที่เป็นผู้ไม่มีอนุสัยกิเลสนอนเนื่องอยู่ในจิตอีกต่อไป

ดังนั้น ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ ก็ยังมีอนุสัย แม้ในขณะที่กุศลจิตเกิด มีอนุสัย แต่ไม่เป็นอนุสัย

ส่วนกิเลส มี 3 ระดับ

อนุสัยกิเลส เป็นกิเลสอย่างละเอียด เมื่อยังไม่ได้ดับกิเลส อนุสัยกิเลสก็นอนเนื่องอยู่ในจิตที่เกิดดับสืบต่อกันเป็นเชื้อเป็นปัจจัยให้เกิดปริยุฏฐานกิเลส กิเลสทั้งหลายจะดับหมดสิ้นเป็นสมุจเฉทปหาน ไม่เกิดอีกเลย เมื่อโลกุตตรมัคคจิตรู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยประจักษ์แจ้งสภาพของพระนิพพาน ตามลำดับขั้นของมัคคจิต ซึ่งปหานกิเลสเป็นสมุจเฉท ตามลำดับขั้นของมัคคจิตนั้นๆ

อนุสัยกิเลส เป็นกิเลสที่ละเอียดนอนเนื่องในสันดาน ไม่ปรากฏให้รู้ได้ในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นการสั่งสมไว้ในจิต เปรียบเหมือนเชื้อโรคที่ฝังตัวอยู่ในร่างกายไม่สามารถรู้ได้ ต่อเมื่อเกิดอาการของโรคแล้ว (ปริยุฏฐานกิเลสและวีติกมกิเลส) ย่อมรู้ได้ว่ามีสาเหตุมาจากเชื้อโรค ซึ่งอนุสัยกิเลส เป็นพืชเชื้อให้มีการเกิดขึ้นของกิเลสอย่างกลาง เช่น ความโกรธในใจ ดังนั้น อนุสัยกิเลส จึงเป็นกิเลสที่ละเอียดที่สุด ที่ไม่ปรากฏให้รู้ได้ในชีวิตประจำวันครับ แต่ถึงแม้ไม่สามารถที่จะรู้อนุสัยกิเลสได้ แต่ก็สามารถอบรมปัญญา เพื่อละอนุสัยกิเลสได้ ด้วยการเจริญสติปัฏฐานระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ก็จะถึงปัญญาระดับสูงที่เป็นมรรคจิต ที่สามารถละอนุสัยกิเลสได้จริงๆ ครับ ปัญญาเท่านั้นที่จะรู้และละอนุสัยกิเลส ด้วยการอบรม ศึกษาพระธรรม ครับ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ปริยุฏฐานกิเลส เป็นกิเลสอย่างกลางที่เกิดร่วมกับอกุศลจิต แต่ไม่ถึงขั้นล่วงเป็นทุจริตกรรม ระงับปริยุฏฐานกิเลสได้ชั่วคราว เป็นวิกขัมภณปหานด้วยฌานกุศลจิต

ปริยุฏฐานกิเลส เป็นกิเลสอย่างกลางที่เกิดร่วมกับอกุศลจิต มี นิวรณ์ เป็นต้น แต่ไม่ได้แสดงออกมา ทางกาย และ วาจา เพียงแต่เกิดกิเลสขึ้นมาภายในจิตใจ เช่น เกิดความยินดีพอใจในสิ่งที่ได้เห็น เกิดความขุ่นเคืองใจ แต่ไม่ได้ล่วงแสดงอกมาทางกาย วาจา ซึ่งสามารถรู้ได้ในชีวิตประจำวัน กับผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน โดยผู้นั้นเองที่จะเป็นผู้รู้ ด้วยปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ได้ ครับ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

วีติกกมกิเลส เป็นกิเลสอย่างหยาบ ทำให้ล่วงเป็นทุจริตกรรมทางกาย วาจา

วิรัติ คือ ละเว้นวีติกกมกิเลสได้ด้วยศีล

วีติกกมกิเลส เป็นกิเลสอย่างหยาบ สามารถปรากฏให้รู้ได้ในชีวิตประจำวัน ทั้งกับตนเองและผู้อื่น เพราะมีการแสงดออกมา ทางกาย และ วาจา เช่น การพูดเท็จ การพูดคำหยาบ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ เป็นต้น

กิเลสขั้นหยาบและกิเลสขั้นกลางจะเกิดได้ ก็เพราะเหตุว่ามีกิเลสขั้นละเอียด ซึ่งไม่มีใครรู้เลยนอกจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้ว่าการที่จะดับกิเลสหมดสิ้น เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นอย่างเด็ดขาด) ได้นั้น ต้องดับอนุสัยกิเลส ซึ่งเป็นพืชเชื้อ ที่เป็นเหตุให้กิเลสขั้นกลาง และกิเลสขั้นหยาบเกิดขึ้นได้

-----------------------------

อนุสัย 7 เป็นการแสดงถึงความละเอียดของกิเลส ที่มีหลายระดับ ในกิเลส 3 ครับ ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย khampan.a  วันที่ 19 มี.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กิเลสมี ๓ ระดับ คือ กิเลสขั้นหยาบ เราเห็นได้จากการประพฤติทุจริตล่วงศีล แสดงให้ทราบว่า กิเลสนั้นหยาบ และมีกำลัง, กิเลสที่ไม่ถึงกับล่วงศีลที่ออกมาเป็นกายทุจริต วจีทุจริต เมื่อเกิดแล้วแต่ยังไม่แสดงออกให้รู้ได้ในขณะนั้นๆ เป็นกิเลสขั้นกลาง เช่น ความขุ่นใจ มี แต่ไม่พูด ไม่แสดงออกทางกาย ทางวาจา หรือ โลภะ มีแต่ไม่แสดงออก ก็ไม่มีผู้อื่นรู้ว่ามีโลภะกิเลสที่เกิดขึ้นทำกิจการงานร่วมกับจิต กิเลสขั้นกลางนี้เป็นกิเลสที่เกิดขึ้นกลุ้มรุมจิตแต่ยังไม่ถึงกับล่วงศีลหรือกระทำทุจริตกรรม แต่กิเลสขั้นหยาบ และกิเลสขั้นกลางจะเกิดได้ก็เพราะเหตุว่ามีกิเลสขั้นละเอียด พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ว่าการที่จะดับกิเลสหมดสิ้นเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นอย่างเด็ดขาด) ได้นั้น ต้องดับอนุสัยกิเลสซึ่งเป็นพืชเชื้อที่เป็นเหตุให้กิเลสขั้นกลาง และกิเลสขั้นหยาบเกิดขึ้นได้ สำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ กิเลสที่เป็นระดับที่ละเอียดมาก คือ อนุสัยกิเลส ยังไม่ได้ดับเป็นสมุจเฉท ส่วนพระอรหันต์ ไม่มีอนุสัยกิเลส และไม่มีกิเลสระดับใดๆ ทั้งสิ้นพระอรหันต์ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส ท่านไม่หวั่นไหวไปด้วยอำนาจของกิเลส เพราะท่านดับกิเลสได้ทั้งหมดแล้ว แต่ผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ย่อมหวั่นไหวไปด้วยอำนาจของกิเลสประการต่างๆ มีโลภะ โทสะ เป็นต้น กิเลสที่ปรากฏให้รู้ได้ในชีวิตประจำวัน ก็เป็นกิเลสขั้นกลาง กับ ขั้นหยาบ และ ที่รู้ว่ายังมีกิเลสขั้นละเอียดอยู่ ก็เพราะมีกิเลสขั้นกลาง คือ ขณะที่เกิดขึ้นกลุ้มรุมจิต และกิเลสขั้นหยาบ คือ ล่วงออกมาเป็นทุจริตกรรมทางกาย ทางวาจา นั่นเอง, เพราะยังมีกิเลสขั้นละเอียด จึงเป็นเหตุให้มีกิเลสขั้นกลาง และกิเลสขั้นหยาบ, กิเลสขั้นละเอียดจะหมดไปได้นั้น เมื่อมีการอบรมเจริญปัญญา รู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรมทั้งหลายที่ปรากฏตามความเป็นจริงของธรรมนั้นๆ เมื่อปัญญารู้แจ้งอริยสัจจธรรม กิเลสขั้นละเอียดก็จะหมดสิ้นไปเป็นประเภทและหมดไปตามลำดับมรรคด้วย การที่จะดับกิเลสได้นั้น ต้องด้วยการอบรมเจริญปัญญา (วิปัสสนาภาวนา) เท่านั้น ไม่ใช่ด้วยสมถภาวนา เพราะสมถภาวนาเพียงข่มกิเลสไว้ได้ด้วยกำลังแห่งความสงบของจิตเท่านั้น หลังจากนั้นแล้ว กิเลสก็เกิดขึ้นได้อีก
กว่าจะดำเนินไปถึงการดับกิเลสได้นั้น ต้องเริ่มที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่ขาดการฟังพระธรรม และจะต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการอบรมเจริญปัญญา ไม่ใช่เพียงแค่ชาติเดียว หรือ สองชาติเท่านั้น ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย peem  วันที่ 19 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย ํํญาณินทร์  วันที่ 19 มี.ค. 2559

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย wirat.k  วันที่ 19 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย Tommy9  วันที่ 20 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย j.jim  วันที่ 21 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย j.jim  วันที่ 21 มี.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย oom  วันที่ 22 มี.ค. 2559

สาธุๆ ๆ ๆ ค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ